เรื่องของหู ให้กูรูจัดการ! Dear Hearing Clinic 2025
หู เป็นอวัยวะที่อ่อนไหวไม่ด้อยไปกว่าอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย ภายในหูซ่อนความซับซ้อนมากมาย แต่ละส่วนล้วนมีความสำคัญยิ่งต่อร่ายกายของเราหูทำหน้าที่สำคัญ 2 ประการ คือ การได้ยิน และ การทรงตัว โดยทำงานโดยแปลงพลังงานกลจากคลื่นเสียง เป็นพลังงานไฟฟ้าในรูปของกระแสประสาท ส่งต่อไปยังสมองเพื่อแปลผล
ความซับซ่อนของหู มีส่วนประกอบดังต่อไปนี้
- หูชั้นนอก (External Ear) ประกอบด้วย
- ใบหู เป็นกระดูกอ่อนที่หุ่มด้วยผิวหนังบางๆ ทำหน้าที่ดัก และรับเสียงเข้าสู่รูหู
- รูหู เป็นท่อคดเคี้ยวเล็กน้อย ลึกประมาณ 2.5 ซม. ผนังของรูหูบุด้วยเยื่อบาง และใต้เยื่ออ่อนนี้เต็มไปด้วยต่อมน้ำมัน ทำหน้าที่ซับไขมันเหนียว และเหลวมาหล่อเลี้ยงรูหู ไขมันเหล่านี้เมื่อรวมกับสิ่งสกปรกกลายเป็นขี้หู ช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอมไม่ให้เข้าถึงเยื่อแก้วหูได้ง่าย
- เยื่อแก้วหู เป็นเยื่อบางๆ ที่อยู่ลึกเข้าไปในส่วนของรูหู กั้นอยู่ระหว่างหูชั้นนอก และหูชั้นกลาง ทำหน้าที่รับแรงสั่นสะเทือนของคลื่นเสียง ที่เดินทางเข้ามาทางรูหู
- หูชั้นกลาง (Middle Ear)
- อยู่ถัดจากเยื่อแก้วหู มีลักษณะเป็นโพรงอากาศ บรรจุกระดูกเล็กๆ 3 ชิ้นติดต่อกัน คือกระดูกค้อนอ กระดูกทั่ง และกระดูกโกลน
- ส่วนล่างของโพรงอากาศตอนปลายของหูชั้นกลางจะมีท่อยูสเตเชี่ยน (Eustachian tube) ซึ่งมีลักษณะเป็นช่องอากาศแคบๆ และยาวต่อไปถึงคอ ทำหน้าที่ปรับความกดอากาศข้างใน และข้างนอกหูให้สมดุลกัน ทำให้เราไม่ปวดหูเวลาอากาศเข้าไปกระทบแก้วหูขณะหายใจหรือกลืนอาหาร
- หูชั้นใน (Inner Ear)
- อยู่ถัดจากกระดูกโกลนเข้ามา ประกอบด้วยอวัยวะที่สำคัญ 2 ส่วน คือ
- ส่วนที่ทำหน้าที่รับเสียง มีลักษณะเป็นท่อเล็กๆที่ขดเป็นวงซ้อนกันอยู่หลายชั้นคล้ายหอยโข่ง ภายในมีท่อของเหลวบรรจุอยู่ ตามผนังด้านในของท่อมีอวัยวะรับเสียงอยู่ทั่วไป
- ส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมการทรงตัว มีลักษณะเป็นรูปท่อโค้งครึ่งวงกลมเล็กๆ 3 วง วางเรียงติดต่อกัน ภายในบรรจุด้วยของเหลว เมื่อเราเคลื่อนไหวศีรษะ ของเหลวในท่อ ก็เคลื่อนที่ตาม ซึ่งจะไปกระตุ้นประสาทรับรู้เกี่ยวกับการทรงตัว ของเหลวที่บรรจุในท่อครึ่งวงกลมนี้จะปรับไปตามความกดดันของอากาศ ถ้าความกดดันอากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ของเหลวปรับตัวไม่ทัน ก็จะทำให้เรามีอาการวิงเวียนศีรษะได้
- อยู่ถัดจากกระดูกโกลนเข้ามา ประกอบด้วยอวัยวะที่สำคัญ 2 ส่วน คือ
หู กับการได้ยินเสียง
เมื่อเสียงที่เกิดขึ้น ใบหูจะรับคลื่นเสียงเข้าสู่รูหูไปกระทบเยื่อแก้วหู เยื่อแก้วหูถ่ายทอดความสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงไปยังกระดูกค้อน กระดูกทั่ง และกระดูกโกลน ซึ่งอยู่ในหูชั้นกลาง และเลยไปยังท่อรูปครึ่งวงกลม แล้วต่อไปยังของเหลวในท่อรูปหอยโข่ง และประสาทรับเสียงในหูชั้นในชั้นในตามลำดับ ประสาทรับเสียงถูกกระตุ้นแล้วส่งความรู้สึกไปสู่สมองเพื่อแปลความหมายของเสียงที่ได้ยิน
ปัญหาการได้ยินในผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุมักมีความสามารถในการรับเสียงลดลง อาจมีอาการหูอื้อหรือหูตึง โดยเริ่มจากไม่ได้ยินเสียงแหลมหรือเสียงความถี่สูง เช่น เสียงผู้หญิง เสียงดนตรี อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างช้าๆ แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ทำให้สื่อสารกับผู้อื่นได้ยากลำบาก
สาเหตุการสูญเสียการได้ยิน การสูญเสียการได้ยินมีหลายสาเหตุ เช่น
- การเสื่อมสภาพตามวัย เซลล์ขนในหูชั้นในเสื่อมสภาพตามอายุ
- เสียงดัง การสัมผัสเสียงดังเป็นเวลานาน เช่น เสียงเครื่องจักร เสียงดนตรีในผับ
- โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไต
- การติดเชื้อ เช่น หูน้ำหนวก
- อุบัติเหตุ เช่น การกระทบกระแทกศีรษะ
- ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะบางชนิด ยาเคมีบำบัด
โรคที่เกี่ยวข้องกับหู
- โรคหูน้ำหนวก การติดเชื้อในหูชั้นกลาง
- โรคเมเนียร์ ความผิดปกติของหูชั้นใน ทำให้มีอาการวิงเวียน บ้านหมุน หูอื้อ
- ประสาทหูเสื่อมจากเสียงดัง การสูญเสียการได้ยิน เนื่องจากการสัมผัสเสียงดังเป็นเวลานาน
การป้องกันและการดูแลรักษา
- หลีกเลี่ยงเสียงดัง สวมอุปกรณ์ป้องกันเสียงเมื่อต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง
- ดูแลสุขภาพหู ไม่แคะหู รักษาความสะอาดหู
- พบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ: เช่น หูอื้อ ปวดหู คันหู การได้ยินลดลง
- เครื่องช่วยฟัง ช่วยขยายเสียง ทำให้ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินได้ยินเสียงชัดเจนขึ้น
- การผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม: เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยินระดับรุนแรง
ดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยิน
การดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยินเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากปัญหาการได้ยินอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การสื่อสาร และความสัมพันธ์ของผู้สูงอายุได้ ต่อไปนี้เป็นแนวทางการดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยิน:
1. การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ:
- พูดช้าๆ ชัดเจน และดังพอประมาณ: หลีกเลี่ยงการตะโกน เพราะอาจทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกไม่สบายใจ
- เผชิญหน้ากับผู้สูงอายุขณะพูด: ทำให้ผู้สูงอายุสามารถมองเห็นริมฝีปากและภาษากายของคุณได้
- ลดเสียงรบกวนรอบข้าง: ปิดโทรทัศน์ วิทยุ หรือแหล่งเสียงรบกวนอื่นๆ
- ใช้ภาษากายและสีหน้า: ช่วยเสริมการสื่อสารให้เข้าใจง่ายขึ้น
- ตรวจสอบความเข้าใจ: ถามผู้สูงอายุว่าเข้าใจสิ่งที่คุณพูดหรือไม่
- ใจเย็นและอดทน: ผู้สูงอายุอาจต้องใช้เวลาในการประมวลผลข้อมูลมากขึ้น
2. การดูแลด้านการแพทย์:
- พาผู้สูงอายุไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาปัญหาการได้ยิน
- เครื่องช่วยฟัง: หากแพทย์แนะนำให้ใช้เครื่องช่วยฟัง ควรดูแลให้ผู้สูงอายุใช้งานอย่างเหมาะสม
- การผ่าตัด: ในบางกรณี การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกในการรักษา
- การฟื้นฟูการได้ยิน: การฝึกฝนการฟังและการสื่อสารอาจช่วยให้ผู้สูงอายุปรับตัวได้ดีขึ้น
3. การปรับสภาพแวดล้อม:
- ติดตั้งระบบเตือนภัย: เช่น สัญญาณเตือนไฟไหม้หรือเสียงเรียกเข้าที่ดังพอให้ผู้สูงอายุได้ยิน
- ใช้โทรศัพท์ที่มีเสียงดังและชัดเจน: หรือใช้โทรศัพท์ที่มีระบบขยายเสียง
- จัดแสงสว่างให้เพียงพอ: เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถมองเห็นริมฝีปากและภาษากายได้ชัดเจน
- ลดเสียงสะท้อนในห้อง: โดยใช้ผ้าม่าน พรม หรือเฟอร์นิเจอร์ที่มีพื้นผิวอ่อนนุ่ม
4. การดูแลด้านจิตใจและสังคม:
- ให้กำลังใจและสนับสนุน: ผู้สูงอายุอาจรู้สึกโดดเดี่ยวหรือหงุดหงิดเนื่องจากปัญหาการได้ยิน
- ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม: เพื่อลดความโดดเดี่ยวและส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของผู้สูงอายุ: รับฟังและเข้าใจความรู้สึกของผู้สูงอายุ
5. การดูแลตนเองของผู้ดูแล:
- ดูแลสุขภาพกายและใจของตนเอง: เพื่อให้สามารถดูแลผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น: หากรู้สึกว่าการดูแลผู้สูงอายุเป็นภาระหนักเกินไป
- เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน: เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้จากผู้อื่น
ข้อควรระวัง:
- การสูญเสียการได้ยินอาจมีสาเหตุจากโรคที่อันตราย เช่น เนื้องอกของสมอง หรือเส้นประสาท ดังนั้นอย่านิ่งนอนใจ ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คระดับการได้ยิน เพื่อหาสาเหตุและการป้องกัน ดูแลไม่ให้ประสาทหูเสื่อมมากขึ้น
- การดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยินต้องอาศัยความเข้าใจ ความอดทน และความเอาใจใส่ หากคุณมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน
รู้หรือไม่การแคะหู อันตรายกว่าที่คิด
หลายคนยังคงทำความสะอาดหูด้วยการใช้คอตตอนบัด หรือไม้แคะหู แต่ในความเป็นจริง ไม่จำเป็น❎ ต้องแคะหรือปั่นหูเพื่อทำความสะอาด เพราะจะเป็นการกระตุ้นการทำงานของต่อมที่สร้างขี้หู ทำให้ขี้หูเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
⚠️ การแคะหูไม่ได้ทำให้ขี้หูออกมา แต่เป็นการดันขี้หูให้อันแน่นและลึกมากขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะขี้หูอุดตันซึ่งสามารถเป็นอันตรายถึงขั้นสูญเสียการได้ยิน
หากมีอาการผิดปกติ เช่น หูอื้อ ปวดหู คันหู การได้ยินลดลง สามารถพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คลีนิก Dear Hearing @พาราไดซ์ พาร์ค ให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาการได้ยิน ด้วยนักแก้ไขการได้ยินที่มีความเชียวชาญ มีประสบการณ์ด้านปัญหาการได้ยินมากว่า 35 ปี
เปิดให้บริการที่ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ศรีนครินทร์ ชั้น 3 เวลา 8.00 น.-20.00 น.
โทร. 063 748 1620
Facebook fanpage Dear hearing
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ คลินิก Dear Hearing @พาราไดซ์ พาร์ค คลิกที่นี่
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการคำแนะนำในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์