ลองเลย! 5 ขนมไทยสุดฮิตใน Paradise Park ย่านศรีนครินทร์ อร่อยโดนใจคนทุกวัย

  •  06 ก.พ. 68

ใครว่าขนมไทยรับประทานยาก แล้วต้องรอโอกาสพิเศษเท่านั้นถึงจะทานได้? วันหยุดที่จะถึงนี้ ชวนลองเมนูขนมหวานแบบไทยๆ ที่ครองใจคนทุกวัยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะวัยรุ่นที่จะต้องติดใจความหวานมันจากมะพร้าวและกะทิ ส่วนผสมหลักที่อร่อยไม่แพ้ครีมหรือวานิลลาในเบเกอรี นอกจากนี้ยังได้กลิ่นหอมๆ จากใบตองและใบเตย ชวนให้นึกถึงบรรยากาศบ้านสวนแบบไทยๆ พร้อมแล้วก็ไปดู 5 เมนูเด็ดจากร้านขนมไทยที่จะเติมเต็มมื้ออาหารหรือช่วงเวลาพักของคุณจากร้านขนมหวานที่ทำสดใหม่วันต่อวันในศูนย์การค้า Paradise Park กันเลย!

1. ขนมบ้าบิ่น

“ขนมบ้าบิ่น” เป็นขนมหวานชื่อแปลกที่หลายคนได้ยินแล้วมักนึกถึงสำนวน “ใจกล้าบ้าบิ่น” ที่มาของขนมบ้าบิ่นนั้น บ้างก็ว่าดัดแปลงมาจากขนม “เกลชาดาซ เดอ กรูอิงบรา” ของชาวโปรตุเกส เนื่องจากขนมไทยแท้ๆ นั้นไม่ค่อยใช้ไข่ไก่เป็นส่วนผสมหลัก บ้างก็ว่าผู้คิดค้นสูตรขนมเป็นคุณป้าที่ชื่อ “ป้าบิ่น” แล้วจึงเพี้ยนมาเป็นชื่อขนมในปัจจุบัน

ขนมบ้าบิ่นมีความโดดเด่นในเรื่องรสชาติและเนื้อสัมผัสของเนื้อมะพร้าวขูดเป็นเส้นหยาบๆ นำมาผสมกับแป้งข้าวเหนียว ไข่ไก่ และน้ำตาลทราย จากนั้นนำไปผิงไฟกลับไปกลับมาทั้งสองด้านจนสุก จึงได้รสชาติที่หวานมันไม่เหมือนขนมชนิดไหน เคี้ยวสนุกด้วยเนื้อมะพร้าวที่เผาจนกรุบ ผสานความหนึบจากแป้งข้าวเหนียวที่ผิงไฟจนหอม เหมาะกับการเป็นขนมทานเล่นคู่กับกาแฟร้อนหวานน้อยสักแก้ว หรือจะจัดเซ็ตคู่กับ Afternoon Tea ก็ช่วยเพิ่มประสบการณ์การรับประทานขนมไทยในสไตล์ฟิวชั่น

2. ข้าวเหนียวสังขยา-ข้าวเหนียวหน้ากุ้ง

ข้าวเหนียวมูนเนื้อหอมนุ่ม ทำจากข้าวเหนียวที่นำไปมูนกับกะทิจนหอมหวาน บางร้านอาจเพิ่มสีสันให้ข้าวเหนียวด้วยการผสมน้ำใบเตย ขมิ้น และอัญชัน ให้ข้าวเหนียวมีสีเขียว เหลือง และฟ้า เพื่อเพิ่มอรรถรสในการกิน ท็อปหน้าด้วยเครื่องเคียงรสคาวหวาน

“ข้าวเหนียวสังขยา” เป็นขนมไทยจานโปรดของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นข้าวเหนียวมูนหวานกำลังดี รับประทานคู่กับสังขยาเนื้อเนียนนุ่มที่เปรียบได้กับคัสตาร์ดเมืองไทย นอกจากหน้าหวานแล้ว ยังมีข้าวเหนียวหน้าคาว เช่น “ข้าวเหนียวหน้ากุ้ง” ที่ให้รสชาติเค็มๆ หวานๆ ของกุ้งฝอยสีส้มตัดกับข้าวเหนียวมูน และ “ข้าวเหนียวหน้าปลาแห้ง” ที่มีความกรุบกรอบเล็กๆ ของปลาแห้งผงและความหอมของหอมแดงเจียว นิยมห่อใบตองหรือกระทงใบเตยเพื่อเพิ่มความหอมให้กับขนม หรือจัดชุดเป็นข้าวเหนียวหน้าคาวหวานเพิ่มความน่ารับประทาน จะตบท้ายเป็นของหวานหลังมื้ออาหาร รับประทานเดี่ยวๆ คู่กับเครื่องดื่มเย็นชื่นใจสักแก้ว หรือประยุกต์ทำเป็นเค้กวันเกิด หรือเสิร์ฟในกระทงเล็กๆ เป็นขนมไทยในงานเลี้ยงที่หยิบรับประทานง่ายก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียเก๋ๆ ถูกใจทุกคน

3. ตะโก้

ขนมไทยเมนูโปรดของใครหลายๆ คนคงหนีไม่พ้น “ตะโก้” ซึ่งมีเนื้อสัมผัสนิ่ม ตัวกะทิสีขาวด้านบนให้ความรู้สึกเหมือนครีมเนื้อเนียนแต่รับประทานแล้วรู้สึกสดชื่นกว่าครีมที่ทำจากไข่ขาวหรือชีส ตัดรสเค็มของกะทิที่ปลายลิ้นด้วยตัวตะโก้รสหวานด้านล่าง ห่อด้วยกระทงใบเตยเพิ่มความหอม นอกจากนี้ยังมีความหอมจากกลิ่นของควันเทียนหรือน้ำลอยดอกไม้สดที่ใช้อบตะโก้ ด้วยรสชาติที่สดชื่นและความหวานๆ เค็มๆ หลายเลเยอร์แบบนี้จึงเป็นขนมหวานแบบไทยๆ ที่ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะวัยรุ่นหลายๆ คนที่หันมาสนใจขนมไทยเพราะรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของตะโก้

ตัวตะโก้มีหลายไส้ เช่น สาคู แห้ว ข้าวโพด และเผือก ซึ่งมีเนื้อเคี้ยวเพลิน เมื่อผสานกับความเค็มของครีมกะทิจึงกลมกล่อมกำลังดี มีหลากหลายขนาดตามสูตรและจุดขายของร้านขนมหวานแต่ละแห่ง บางร้านทำกระทงสี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำ บางร้านทำขนาดเท่าคัพเค้กเพื่อความจุใจ นอกจากนี้ ผู้รักการทำขนมหลายๆ คนได้คิดค้นตัวตะโก้รสชาติใหม่ๆ ที่ต้องบอกเลยว่าตามเทรนด์สุดๆ เช่น ตะโก้มันม่วง ตะโก้ชาเขียวถั่วแดง ตะโก้ทับทิมกรอบ ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจได้เห็นตะโก้ที่มีการฟิวชั่นกันระหว่างขนมไทยกับขนมชาติอื่นๆ วางขายตามร้านก็เป็นได้

4. ปลากริมไข่เต่า 

ถึงจะอยู่ในถ้วยเดียวกัน แต่ “ปลากริมไข่เต่า” ประกอบไปด้วยส่วนที่เป็น “ขนมปลากริม”  คือตัวขนมหวานสีน้ำตาลอ่อนทำจากแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันปั้นเป็นเส้นสั้นๆ นำไปเคี่ยวกับน้ำตาลมะพร้าวให้มีรสหวาน รับประทานคู่กับ “ขนมไข่เต่า” ซึ่งทำมาจากแป้งปั้นต้มกับกะทิ ทำให้มีรสเค็ม นับเป็นภูมิปัญญาของคนไทยที่ปิ๊งไอเดียการนำเอาขนมรสชาติต่างกันมารับประทานด้วยกันจนเกิดเป็นความหวานมันกลมกล่อมลงตัว

ปลากริมไข่เต่านิยมรับประทานตอนอุ่นๆ จะได้ลิ้มรสความหอมหวานของน้ำตาลมะพร้าวกับกะทิ และสัมผัสความนุ่มหนึบหนับของแป้งขนมได้เต็มที่ เหมาะเป็นของว่างถ้วยเล็กหลังมื้อเช้าหรือช่วงบ่ายที่ต้องการเติมความหวานให้ชีวิต อ่านจบแล้วต้องชวนเพื่อนหรือคนรู้ใจมาลองสักถ้วยแล้วจะติดใจ

5. บัวลอยไข่หวาน

“บัวลอยไข่หวาน” ขนมไทยถ้วยเล็ก ตักขึ้นมาจากกระทะทองเหลืองร้อนๆ กินแล้วอุ่นท้องได้ทุกเวลา แต่วัยรุ่นนิยมกินเป็นขนมหวานมื้อดึกที่ต้องตบท้ายหลังข้าวเย็น “บัวลอย” เป็นชื่อขนมไทยที่ปรากฏอยู่ในจารึกสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา ก่อนจะพัฒนามาเป็นขนมบัวลอยในปัจจุบัน และอยู่คู่คนไทยมาหลายร้อยปี โดยจะเป็นแป้งบัวลอยเคี้ยวหนึบปั้นเป็นก้อนกลมเล็ก มีหลากสี เช่น ชมพูอ่อน เขียวอ่อน ฟ้าอ่อน และขาว ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้มาจากสีธรรมชาติของพืชและดอกไม้ไทยทั้งสิ้น ต้มในน้ำกะทิรสหวานหอม เสิร์ฟพร้อมไข่หวานที่ละลายในปากในถ้วยเดียวกัน

บัวลอยไข่หวานเป็นขนมไทยสำหรับงานมงคลมาตั้งแต่สมัยโบราณ ทั้งงานมงคลสมรส งานทำบุญเลี้ยงพระ และงานพิธีการต่างๆ โดยขนมชนิดนี้เป็นขนมมงคลที่สื่อถึงความกลมเกลียวเหนียวแน่นและอุดมสมบูรณ์ของครอบครัว อย่างไรก็ตาม เราสามารถกินขนมมงคลนี้ได้ง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องรองานมงคล เพียงมองหาร้านขนมไทยใกล้บ้านเท่านั้นเอง

เช็กอินร้านขนมไทยสุดอินเทรนด์กันเลยที่ศูนย์การค้า Paradise Park 

ขนมหวานสไตล์ไทยที่อร่อยๆ ไม่ได้มีแค่ 5 เมนูยอดฮิตนี้เท่านั้น แต่ยังมีขนมอื่นๆ ที่ถูกใจน้องๆ หนูๆ ไปจนถึงรุ่นคุณตาคุณยาย ด้วยสีพาสเทลสดใสที่ได้จากวัตถุดิบธรรมชาติ ตลอดจนกลิ่นหอมและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คุณจึงหลงเสน่ห์ขนมไทยได้ไม่ยาก แถมยังซื้อกลับบ้านไปฝาก หรือมอบเป็นของขวัญในโอกาสสำคัญได้อีกด้วย แต่เพลิดเพลินกับความหวานแล้วก็อย่าลืม! รับประทานในปริมาณที่พอดีและออกกำลังกายกันด้วยนะ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง

สัมผัสรสชาติไทยแท้ตำรับโบราณในรูปแบบที่รับประทานง่ายกว่าที่เคยได้ทุกวันที่ร้านขนมไทยชื่อดังในศูนย์การค้า Paradise Park ย่านศรีนครินทร์ จุดหมายที่ห้ามพลาดของคนรักขนมไทย ไม่ว่าจะเป็นร้าน COME NUENG - คำนึง (ชั้น G โซน B) ร้านขนมไทยที่มีขนมให้เลือกหลากหลาย ทั้งขนมบ้าบิ่น ขนมครกสูตรต่างๆ ขนมกลีบลำดวน วุ้นมะตูม และยังโดดเด่นด้วยขนมถาดนานาชนิด เช่น ขนมหม้อแกง ขนมชั้น และวุ้นสีสันสดใส และร้านวรรธนาขนมไทย (ชั้น G โซน B) ร้านขนมไทยห่อใบตองและขนมไทยน้ำกะทิ มีทั้งข้าวเหนียวสังขยา ตะโก้ ขนมตาล ขนมกล้วย ขนมชั้น บัวลอย สาคู ข้าวเหนียวเปียกลำไย และเมนูอื่นอีกหลากหลายที่เลือกจัดเซ็ตได้ตามใจชอบ แวะมาซื้อกลับบ้านไปลองสักชุดเลย!

 

ศูนย์การค้า Paradise Park จุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งกิน ช้อป ความสวยความงาม เรียนพิเศษ และอื่นๆ อีกมากมาย มีที่จอดรถสะดวกสบาย แถมยังเดินทางง่ายด้วยรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง สถานีสวนหลวง ร.9 ทางออก 2 ที่มีทางเชื่อมส่งตรงถึงศูนย์การค้า ค้นหาร้านอาหารและขนมเพิ่มเติมได้ในหมวด Dining Paradise หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ MBK Contact Center โทร. 1285

อร่อยแล้วอย่าลืมสะสมคะแนนแลกสิทธิพิเศษกับ MBK PLUS 

MBK PLUS คือโปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือบริการภายในศูนย์การค้า Paradise Park และธุรกิจในเครือ MBK เพียงนำใบเสร็จจากร้านค้าที่ร่วมรายการมาสะสมคะแนน แล้วนำคะแนนมาแลกรับส่วนลด คูปอง หรือสิทธิพิเศษต่างๆ ได้มากมาย

 

# สะสม สุขจุกๆ: ทุกการช้อปมีแต่ได้ สะสมพอยท์เพื่อรับสิทธิพิเศษมากมายแบบจุกๆ

# แลก สุขจุกๆ: ง่ายขึ้น 1 พอยท์ = 1 บาท แลกรับส่วนลดจุกๆ และความพิเศษทุกไลฟ์สไตล์

# แชร์ สุขจุกๆ: โอนคะแนนให้เพื่อน แชร์พอยท์ รวมทั้งชวนเพื่อน มาส่งต่อความสุขด้วยกันไม่รู้จบ 

สมัคร MBK PLUS ง่ายๆ เพียง Add LINE OA: @mbkplus หรือ คลิก https://lin.ee/D5FyX9j  

ตรวจสอบเงื่อนไขการสะสมคะแนนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.paradisepark.co.th/mbkplus.php