เด็กเป็นวัยที่กำลังทำความรู้จักสิ่งรอบตัว และเรียนรู้ที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับโลกที่เพิ่งลืมตามาดูได้ไม่นาน การเลี้ยงลูกในขวบปีแรกๆ จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญ เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายและสมองกำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และซึมซับสิ่งต่างๆ ที่รับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า การส่งเสริมพัฒนาการเด็กผ่านกิจกรรมและของเล่นจึงต้องทำอย่างเหมาะสม เพื่อให้ลูกน้อยได้ฝึกทักษะตามช่วงอายุของตนเอง และมีพัฒนาการที่ดีทั้งในด้านร่างกาย จิตใจและอารมณ์ สังคม สติปัญญา และจิตวิญญาณ
การพัฒนาสมองสำคัญอย่างไรต่อเด็กในวัยเจริญเติบโต
ช่วงแรกเกิดจนถึงขวบแรกเป็นเวลาที่ลูกน้อยฝึกตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นแสงหรือเสียงต่างๆ หลังจากนั้น เมื่อลูกอายุ 18 เดือนถึงหนึ่งขวบขึ้นไป จะเป็นช่วงที่มีพัฒนาการด้านภาษา เพราะเด็กจะเริ่มพูดเป็นคำๆ ได้ จนกระทั่งเล่าเรื่องเกี่ยวกับสิ่งของรอบตัวได้ยาวขึ้นและตอบคำถามง่ายๆ ซึ่งเป็นพัฒนาการเด็กอายุ 2-3 ขวบ หากคุณพ่อคุณแม่หมั่นพูดคุยและทำกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการกับลูกบ่อยๆ เช่น พาเล่นของเล่นที่มีเสียงแตกต่างกัน เล่านิทาน เล่นเกม ตั้งคำถามให้ลูกตอบ หรือเล่นบทบาทสมมติด้วยกัน ลูกน้อยก็จะมีพัฒนาการสมองที่ดีตามเกณฑ์มาตรฐานทั้งซีกซ้ายและซีกขวา
นอกจากจะต้องใส่ใจการเสริมพัฒนาการด้วยวิธีการต่างๆ แล้ว อย่าลืมดูแลเด็กๆ ด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารบำรุงสมอง ควรให้เด็กรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นโปรตีนจากเนื้อสัตว์ นม ไข่ และปลาทะเลที่มีกรดไขมันดีอย่างโอเมก้า 3 รับประทานคาร์โบไฮเดรตและไขมันในปริมาณที่เหมาะสม และฝึกให้ลูกชอบกินผักและผลไม้เพื่อให้ได้วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนี้ ควรให้ลูกนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และเล่นกีฬาตามวัย เพื่อให้ร่างกายที่แข็งแรงช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมอง
ทำไมต้องใส่ใจพัฒนาสมองเด็กทั้ง 2 ซีกไปพร้อมกัน
สมองของมนุษย์เรามีสองซีก แต่ละซีกจะควบคุมการทำงานของร่างกายฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกัน อย่างสมองซีกซ้ายจะควบคุมการทำงาน รับข้อมูลและความรู้สึกของร่างกายซีกขวา ดังนั้นสมองทั้งสองซีกจึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน และต้องอาศัยการพัฒนาควบคู่กันไป จึงจะเกิดประสิทธิภาพดีที่สุดต่อลูกน้อย เรามาดูกันดีกว่าว่าสมองแต่ละซีกมีหน้าที่สำคัญอย่างไรบ้าง
ความสำคัญของสมองซีกซ้าย
-
สั่งการ ควบคุม และรับความรู้สึกจากร่างกายซีกขวา
-
ควบคุมการใช้ตรรกะ เหตุผล กระบวนการคิด และข้อเท็จจริง
-
ควบคุมการใช้ภาษา เช่น การใช้คำศัพท์ โครงสร้างประโยค การจัดลำดับความคิด รวมถึงการฟัง พูด อ่าน เขียน
-
ควบคุมทักษะด้านวิทยาศาสตร์ ตัวเลข และการคิดวิเคราะห์
-
สมองซีกซ้ายจะเริ่มพัฒนาเมื่ออายุ 3 ขวบขึ้นไป เนื่องจากเป็นวัยที่เริ่มฝึกพูดและรู้จักสิ่งต่างๆ
ความสำคัญของสมองซีกขวา
-
สั่งการ ควบคุม และรับความรู้สึกจากร่างกายซีกซ้าย
-
ควบคุมทักษะการจำ ไม่ว่าจะเป็นการจดจำใบหน้า เสียง การมองภาพและการประมวลผลภาพที่มองเห็น รวมไปถึงความเข้าใจสัญลักษณ์และภาษากาย
-
ควบคุมการรับรู้ที่เกี่ยวข้องกับผัสสะและสุนทรียะ เช่น ดนตรี ศิลปะ การใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ การตอบสนองทางอารมณ์
-
สัญชาตญาณและสามัญสำนึกในการตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว
-
สมองซีกขวาจะเริ่มเปิดและพัฒนาตั้งแต่แรกเกิด เนื่องจากเด็กจะเริ่มรับรู้ มองเห็น ได้ยิน และตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวแล้ว
6 เคล็ด(ไม่)ลับ เสริมพัฒนาการทางสมองลูกอย่างไรให้เก่งสมวัย
เทคนิคพัฒนาสมองซีกซ้าย
-
เล่นเกมฝึกทักษะและการแก้ปัญหา
หากลูกน้อยอยากสนุก แต่คุณพ่อคุณแม่กังวลเรื่องการฝึกทักษะสมอง จะเล่นกับลูกอย่างไรให้ได้พัฒนาทักษะทางการคิดไปพร้อมกัน? แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่หาเกมเด็กหรือของเล่นเด็กที่ช่วยฝึกทักษะการคิดและการแก้ปัญหาด้านต่างๆ ที่เหมาะสมกับอายุและพัฒนาการเด็ก เช่น บันไดงู ตัวต่อ หรือเชื่อมต่อจุดสำหรับเด็กเล็ก และหมากฮอส หมากรุก หมากล้อม รูบิค ครอสเวิร์ด ซูโดกุ เกมเศรษฐี และเกม 24 สำหรับเด็กที่โตขึ้นมา เพียงเท่านี้ก็สามารถสนุกไปพร้อมกับการเสริมพัฒนาการทางสมองแล้ว
-
ฝึกการคำนวณผ่านสถานการณ์จริง
ไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกเข้าชั้นประถมและเรียนคณิตศาสตร์ที่โรงเรียนก็สามารถปูพื้นฐานได้ง่ายๆ ผ่านนิทานสอดแทรกโจทย์ปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่สร้างสรรค์สถานการณ์ขึ้นมาเอง หรือเวลาออกไปซื้อของนอกบ้าน อาจลองให้ลูกคิดคำนวณตัวเลขง่ายๆ การได้หยิบจับและทดลองจริงจะช่วยให้ลูกเข้าใจได้ไวขึ้น และสามารถพลิกแพลงต่อยอดเมื่อเข้าโรงเรียน
-
สนุกกับวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน
นอกจากนี้ ยังสามารถฝึกสมองซีกซ้ายให้ลูกผ่านการพาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์หรือนิทรรศการวิทยาศาสตร์ ซึ่งมักมีกิจกรรมให้เด็กๆ ได้เล่นสนุกเพื่อเรียนรู้ความเป็นมาของสิ่งต่างๆ รอบโลก จึงช่วยปูพื้นฐานให้ลูกเป็นคนช่างคิด ช่างสงสัย และช่างหาเหตุผล
เทคนิคพัฒนาสมองซีกขวา
-
เล่นดนตรีและทำกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปะ
วิธีพัฒนาสมองซีกขวาให้ลูกที่ง่ายที่สุดและสามารถทำได้ตั้งแต่ยังตั้งครรภ์หรือวัยทารกแรกเกิดเลยก็คือการใช้ดนตรีเป็นสื่อ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเพลงและร้องเพลงให้ลูกฟัง เมื่อลูกโตขึ้นจึงปรับกิจกรรมพัฒนาสมองให้ลูกมีส่วนร่วมกับศิลปะด้วยตัวเอง เช่น ร้องเพลง เรียนดนตรี เต้นประกอบเพลง ฟังเพลงด้วยกัน ทำงานศิลปะ เช่น วาดรูป ปั้นดิน เพ้นท์ผ้า รวมไปถึงการทำอาหารและขนมง่ายๆ
-
เรียนภาษาต่างประเทศ
การเรียนภาษาต่างประเทศเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมพัฒนาสมองที่จะช่วยเรื่องพัฒนาการทางภาษาให้กับลูกได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการจดจำคำศัพท์และทำความเข้าใจโครงสร้างประโยคมากกว่าหนึ่งภาษาจะช่วยให้ลูกฝึกกระบวนการเรียนรู้และจัดระบบความคิด อีกทั้งยังได้ฝึกเลียนเสียงในช่วงวัยที่กำลังเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบ ซึ่งจะทำให้เด็กจดจำศัพท์ได้เร็ว กล้าออกเสียงและเลียนเสียงเจ้าของภาษาโดยไม่รู้สึกเขินอาย และต่อยอดไปสู่การเรียนรู้ผ่านสื่อในภาษาอื่นๆ ได้เร็วกว่าเด็กวัยเดียวกัน
-
เสริมสร้างจินตนาการด้วยนิทาน
เสริมสร้างจินตนาการด้วยเรื่องราวเพื่อพัฒนาสมองซีกขวาได้ตั้งแต่ลูกยังเล็ก เช่น เล่านิทานก่อนนอน ชวนลูกอ่านหนังสือภาพหรือการ์ตูนด้วยกัน โดยปรับระดับความยากไปตามอายุ นอกจากจะส่งเสริมให้เด็กมีจินตนาการและช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้เด็กๆ แล้ว ยังเป็นวิธีพัฒนาการด้านภาษา เพราะลูกจะได้เรียนรู้คำและประโยคใหม่ๆ ซึ่งจะต่อยอดไปเป็นการอ่านนวนิยายและหนังสือแนวอื่นๆ เมื่อลูกโตขึ้น
สัญญาณเตือนพัฒนาการลูกน้อยล่าช้า
พัฒนาการของมนุษย์ไม่ได้มีเพียงด้านร่างกาย แต่ยังมีด้านจิตใจและอารมณ์ สังคม สติปัญญา และจิตวิญญาณอีกด้วย จึงจะประกอบรวมเป็นบุคคลที่สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข สำหรับเด็กนั้น พัฒนาการที่สำคัญลำดับแรกๆ คือด้านร่างกายและอารมณ์ เพราะจะส่งผลต่อสติปัญญา รวมถึงพัฒนาการด้านอื่นๆ ต่อไป ดังนั้น หากลูกมีสัญญาณเตือนพัฒนาการล่าช้าดังต่อไปนี้ คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมพาลูกไปปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและวิธีการแก้ไขต่อไป
ลูกอายุ 1 ปี
-
ไม่ยอมพูด ไม่พูดคำง่ายๆ หนึ่งหรือสองพยางค์ที่มีความหมาย
-
ไม่สามารถยืนสองขาได้
-
ไม่สามารถเปลี่ยนมือหยิบจังสิ่งของได้
-
เพิกเฉย ไม่มองตามเมื่อมีคนพูดและชี้ชวนให้ดูสิ่งต่างๆ
ลูกอายุ 2 ปี
-
เงียบ พูดคำศัพท์ได้น้อย และไม่เข้าใจคำสั่งง่ายๆ
-
ไม่สบตาคน
-
ไม่พูดตามหรือเลียนแบบท่าทางของคนรอบตัว
ลูกอายุ 3 ปี
-
ยังพูดไม่เป็นประโยค
-
ไม่เข้าใจและไม่ตอบสนองต่อการแสดงอารมณ์ของผู้อื่น
-
ไม่สนใจเล่นกับผู้อื่น
มัดรวมกิจกรรมพัฒนาสมองทั้งสองซีกสำหรับชวนลูกไปทำในวันหยุด
นอกจากกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการเด็กที่สามารถชวนลูกๆ ทำได้ที่บ้านแล้ว สามารถพาเด็กๆ ไปพบปะเพื่อนใหม่ในวัยเดียวกัน ผ่านกิจกรรมพัฒนาสมองทั้งซีกซ้ายและซีกขวากันได้กับคุณครูและผู้เชี่ยวชาญ ที่จะช่วยดูแล สังเกตพัฒนาการ และมาพร้อมกับกิจกรรมฝึกทักษะสุดสนุกให้ลูกๆ ได้ตื่นเต้นอยู่เสมอ เราขอแนะนำ
- สถาบัน Shichida สถาบันพัฒนาสมองเด็กที่ใช้หลักสูตรจากญี่ปุ่น ช่วยพัฒนาสมองทั้งสองซีกของเด็ก 6 เดือนจนถึง 6 ขวบ สามารถแวะมาทำความรู้จักสถาบันกันก่อนได้ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้า Paradise Park
- Phonics 1st สถาบันสอนภาษาระบบ Jolly Phonics ย่านศรีนครินทร์ ช่วยวางรากฐานทั้งการออกเสียง คำศัพท์ และไวยากรณ์ให้เด็กวัยเจริญเติบโต สถาบันตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้า Paradise Park เช่นกัน
- Play Chef & Kolor Me Art School โรงเรียนสอนศิลปะและปั้นดิน เปิดจินตนาการเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้ลูกผ่านการทำอาหารและศิลปะแขนงต่างๆ พาลูกๆ มาสนุกสนานกันได้ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้า Paradise Park
กดรับสิทธิ์ง่าย ๆ ผ่าน LINE Official Account : MBK PLUS ใครยังไม่เป็นสมาชิก MBK PLUS แอดด่วน!! @mbkplus
สุขจุกๆ รวมทุกรูปแบบความสุข รับสุขจุกๆ ได้ง่ายขึ้นแล้วที่ LINE Official Account : MBK PLUS คะแนน MBK POINTS จากแอปพลิเคชัน MBK PLUS จะถูกโอนไปยังระบบ LINE Official Account
MBK POINTS ทุก 1 คะแนน = 1 พอยท์ *
*คะแนนจากระบบเดิมจะถูกนำมาคำนวณเป็น Rate ใหม่ (นำมาหาร 8 เศษที่เหลือจะปรับขึ้น) เช่น เดิมสมาชิกมี 804 คะแนน มูลค่า 100.5 บาท (804x0.125) เพราะ 1 คะแนน = 0.125 บ. เมื่อย้ายมาบนระบบใหม่ คะแนนที่ถูกโอนมาจะเท่ากับ 101 คะแนน มีมูลค่า 101 บาท เพราะ 1 คะแนนบนระบบใหม่ = 1 บาท
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MBK PLUS