โรคตาแดงในเด็ก เรื่องใกล้ตัวที่ผู้ปกครองควรรู้!

  •  25 ก.พ. 68

โรคตาแดงในเด็ก เรื่องใกล้ตัวที่ผู้ปกครองควรรู้!

โรคตาแดงในเด็ก เรื่องใกล้ตัวที่ผู้ปกครองควรรู้!

โรคตาแดง หรือ ภาวะเยื่อบุตาอักเสบ พบบ่อยในเด็กๆ โดยเฉพาะในช่วงเปิดเทอม ซึ่งโรคนี้สามารถติดต่อกันได้ง่าย ทำให้คุณพ่อคุณแม่กังวลใจ บทความนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจเกี่ยวกับโรคตาแดงในเด็ก ตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีการดูแลรักษา และการป้องกัน เพื่อให้ลูกน้อยกลับมามีดวงตาที่สดใสได้อีกครั้ง ​​​​​​

 

อาการของโรคตาแดงในเด็ก

อาการของโรคตาแดงในเด็กอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุ แต่โดยทั่วไปจะมีอาการดังนี้

  • ตาแดง: เป็นอาการหลักที่สังเกตได้ชัดเจน
  • คันตา: เด็กอาจขยี้ตาบ่อยๆ
  • น้ำตาไหล: มีน้ำตาไหลออกมามากกว่าปกติ
  • มีขี้ตา: อาจมีขี้ตาใส สีขาว เหลือง หรือเขียว
  • เปลือกตาบวม: เปลือกตาอาจบวมแดง
  • เจ็บตา: เด็กอาจแสดงอาการเจ็บปวดเมื่อขยับตาหรือกระพริบตา
  • ตาไวต่อแสง: เด็กอาจรู้สึกไม่สบายตาเมื่ออยู่ในที่ที่มีแสงจ้า
  • อาการอื่นๆ: อาจมีอาการร่วมอื่นๆ เช่น น้ำมูกไหล ไอ หรือเจ็บคอ

 

สาเหตุหลักของโรคตาแดงในเด็ก

อาการตาแดงในเด็กสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละสาเหตุอาจมีอาการและความรุนแรงแตกต่างกันไป ต่อไปนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กตาแดง

  • การติดเชื้อ:
    • ไวรัส: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของโรคตาแดงในเด็ก มักมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ เช่น น้ำมูกไหล ไอ หรือเจ็บคอ
    • แบคทีเรีย: มักทำให้มีขี้ตาเป็นสีเหลืองหรือเขียว และอาจทำให้เปลือกตาบวม
    • การติดเชื้อคลาไมเดีย: พบในเด็กแรกเกิดที่ติดเชื้อจากมารดาขณะคลอด
  • การแพ้:
    • เด็กที่มีโรคภูมิแพ้ เช่น แพ้เกสรดอกไม้ ฝุ่น หรือขนสัตว์ อาจมีอาการตาแดง คันตา และน้ำตาไหล
  • การระคายเคือง:
    • สิ่งแปลกปลอมเข้าตา เช่น ฝุ่นละออง หรือทราย
    • การขยี้ตาบ่อย ๆ
    • การสัมผัสกับสารเคมี เช่น คลอรีนในสระว่ายน้ำ
  • ท่อน้ำตาอุดตัน:
    • พบในเด็กเล็ก ทำให้มีน้ำตาไหลและมีขี้ตา
  • โรคอื่น ๆ:
    • โรคตาบางชนิด เช่น ต้อหิน หรือ uveitis (การอักเสบของม่านตา

 

โรคตาแดงในเด็ก เรื่องใกล้ตัวที่ผู้ปกครองควรรู้!

ลักษณะอาการตามสาเหตุ

  • โรคตาแดงจากเชื้อไวรัส:
    • มักมีอาการตาแดงทั้งสองข้าง
    • มีน้ำตาไหลและขี้ตาใส
    • อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ไข้ เจ็บคอ หรือน้ำมูกไหล
  • โรคตาแดงจากเชื้อแบคทีเรีย:
    • มักมีขี้ตาเป็นสีเหลืองหรือเขียว
    • เปลือกตาอาจบวมแดง
    • อาจมีอาการเจ็บตา
  • โรคตาแดงจากภูมิแพ้:
    • มักมีอาการคันตาและน้ำตาไหล
    • อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น คัดจมูก หรือมีผื่นขึ้น

 

การดูแลรักษาโรคตาแดงในเด็ก

การรักษาโรคตาแดงในเด็กขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค โดยทั่วไปแล้ว การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการและรักษาต้นเหตุของโรค ดังนี้

  1. โรคตาแดงจากเชื้อไวรัส:
    • โดยทั่วไปแล้ว โรคตาแดงจากเชื้อไวรัสจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์
    • การรักษาจะเน้นไปที่การบรรเทาอาการ เช่น การใช้น้ำตาเทียมเพื่อลดอาการระคายเคือง และการประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม
    • หากมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ไข้ หรือเจ็บคอ ควรให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมากๆ
  2. โรคตาแดงจากเชื้อแบคทีเรีย:
    • แพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะหยอดตาหรือป้ายตา เพื่อรักษาการติดเชื้อ
    • ควรหยอดยาหรือป้ายยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
    • ควรล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังการหยอดตาหรือป้ายตา
  3. โรคตาแดงจากภูมิแพ้:
    • แพทย์อาจสั่งยาแก้แพ้หยอดตา หรือยากิน เพื่อบรรเทาอาการ
    • ควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่นละออง หรือขนสัตว์
    • การประคบเย็นอาจช่วยลดอาการคันและบวมได้
  4. โรคตาแดงจากการระคายเคือง:
    • ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือ
    • หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออก
    • ควรหลีกเลี่ยงการขยี้ตา
  5. ท่อน้ำตาอุดตัน:
    • ในเด็กเล็ก ท่อน้ำตาอุดตันมักหายได้เองเมื่อเด็กโตขึ้น
    • แพทย์อาจแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่นวดบริเวณท่อน้ำตา เพื่อช่วยเปิดท่อ
    • หากท่อน้ำตาอุดตันไม่หาย หรือมีการติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์

 

โรคตาแดงในเด็ก เรื่องใกล้ตัวที่ผู้ปกครองควรรู้!

 

การป้องกันโรคตาแดงในเด็ก 

  • ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำ และ สบู่ 
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา โดยไม่จำเป็น 
  • ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น 
  • หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโรค 
  • รักษาสุขอนามัย ดูแลความสะอาดร่างกาย และ สิ่งแวดล้อม

เทคนิคการดูแลและถนอมสายตาในเด็ก 

  • จำกัดเวลาหน้าจอ ควบคุมเวลาการดูโทรทัศน์ เล่นโทรศัพท์มือถือ หรือ แท็บเล็ต ไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน 
  • พักสายตา ทุกๆ 20 นาที ให้มองออกไปไกลๆ ระยะ 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที 
  • กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อป้องกันตาแห้ง 
  • ปรับแสงสว่าง ให้เหมาะสม ไม่สว่าง หรือ มืดเกินไป 
  • อ่านหนังสือในระยะที่เหมาะสม ประมาณ 30-40 เซนติเมตร 
  • ตรวจสุขภาพตา เป็นประจำ ทุกปี

 

อาหารบำรุงสายตา

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์  มีส่วนสำคัญในการบำรุงสายตา  และ  ป้องกันโรคตา  อาหารที่แนะนำ  ได้แก่   

  1. อาหารที่มีวิตามินเอสูง:
    • วิตามินเอช่วยในการมองเห็นในที่มืด และรักษาสุขภาพของกระจกตา
      • แหล่งอาหาร: แครอท, ฟักทอง, มันเทศ, ผักโขม, ตำลึง, ตับ, ไข่แดง, นม
  2. อาหารที่มีลูทีนและซีแซนทีน:
    • สารเหล่านี้ช่วยปกป้องจอประสาทตาจากแสงสีฟ้า และลดความเสี่ยงของจอประสาทตาเสื่อม
      • แหล่งอาหาร: ผักใบเขียวเข้ม (เช่น ผักโขม, คะน้า), ข้าวโพด, ไข่แดง
  3. อาหารที่มีวิตามินซี:
    • วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องดวงตาจากความเสียหาย
      • แหล่งอาหาร: ผลไม้ตระกูลส้ม, สตรอว์เบอร์รี, กีวี, พริกหยวก
  4. อาหารที่มีวิตามินอี:
    • วิตามินอีช่วยปกป้องเซลล์ในดวงตาจากความเสียหาย
      • แหล่งอาหาร: ถั่ว, เมล็ดพืช, ผักใบเขียว
  5. อาหารที่มีโอเมก้า 3:
    • โอเมก้า 3 ช่วยลดความเสี่ยงของโรคตาแห้ง และจอประสาทตาเสื่อม
      • แหล่งอาหาร: ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, เมล็ดแฟลกซ์

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • ส่งเสริมให้เด็กรับประทานผักและผลไม้หลากสี เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่หลากหลาย
  • จำกัดอาหารแปรรูป และอาหารที่มีน้ำตาลสูง
  • ให้เด็กดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
  • จัดสรรอาหารให้ครบ 5 หมู่


รายละเอียดเพิ่มเติมตรวจสุขภาพสำหรับเด็กได้ที่ คลิกที่นี่


สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านศรีนครินทร์ และพื้นที่ใกล้เคียง "คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค" (Ramathibodi Health Space) ที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกสบาย ในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่ รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค เปิดให้บริการทุกวัน 8.00-20.00 น. 

โทร. 0-2201-0640-45 

Line Official Account : @ramaparadise

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค คลิกที่นี่

คลีนิกพรีเมี่ยมรามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ

รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ (ด้านหน้า)

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการคำแนะนำในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์