โรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน อาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันที่คุณต้องรู้
เจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน รวมถึงอาการ สาเหตุ วิธีรักษา และเคล็ดลับการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากปัญหาสุขภาพเหล่านี้ อ่านเพิ่มเติมเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว!
ความสำคัญของกระเพาะอาหาร
กระเพาะอาหารเป็นอวัยวะสำคัญในระบบย่อยอาหาร มีหน้าที่หลั่งกรดและเอนไซม์เพื่อย่อยสลายอาหารก่อนส่งต่อไปยังลำไส้เล็ก กระบวนการนี้มีความสำคัญต่อการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในกระเพาะอาหาร เช่น การอักเสบ หรือแผลในเยื่อบุกระเพาะ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
โรคกระเพาะอาหารกับกรดไหลย้อน ต่างกันอย่างไร
โรคกระเพาะอาหาร (Dyspepsia) และกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease หรือ GERD) มีลักษณะคล้ายกันแต่เกิดจากสาเหตุและกระบวนการที่แตกต่างกัน:
- โรคกระเพาะอาหาร: เกิดจากกระเพาะอาหารอักเสบ ระคายเคือง หรือแผลในเยื่อบุกระเพาะอาหาร อันเนื่องมาจากเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori) การใช้ยาบางชนิด หรือพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม อาการหลักคือปวดแสบร้อนบริเวณช่องท้องส่วนบน ท้องอืด และคลื่นไส้
- กรดไหลย้อน: เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร ทำให้เกิดการระคายเคืองและอักเสบ ผู้ป่วยมักมีอาการแสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว เจ็บคอ และไอเรื้อรัง ซึ่งอาการมักรุนแรงขึ้นหลังรับประทานอาหารหรือเมื่อนอนราบ
ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารอาจมีโอกาสเกิดกรดไหลย้อนร่วมด้วย เนื่องจากการอักเสบในกระเพาะอาหารอาจส่งผลต่อการทำงานของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้กรดไหลย้อนกลับขึ้นมา
อาการโรคกระเพาะ
อาการของโรคกระเพาะอาหารนั้น มีความหลากหลาย และอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับชนิด ความรุนแรง และตำแหน่งของความผิดปกติ
อาการที่พบบ่อย ได้แก่:
- ปวดท้อง: เป็นอาการหลักของโรคกระเพาะอาหาร ลักษณะอาการปวดอาจแตกต่างกันไป เช่น:
- ปวดแสบร้อนในช่องท้องส่วนบนหรือใต้ลิ้นปี่
- ปวดตื้อๆ หรือปวดบีบในช่องท้อง
- ปวดมากขึ้นหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารรสจัดหรืออาหารมัน
- ปวดมากขึ้นในช่วงเวลาที่ท้องว่าง เช่น ตอนเช้าหรือกลางดึก
- คลื่นไส้ อาเจียน: อาจเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารหรือในขณะที่ท้องว่าง
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ: รู้สึกอึดอัด แน่นท้องหลังรับประทานอาหาร
- เรอบ่อย: เนื่องจากมีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก
- เบื่ออาหาร อิ่มเร็ว: รับประทานอาหารได้น้อยลงกว่าปกติ
- น้ำหนักลด: โดยไม่ทราบสาเหตุ
- ถ่ายอุจจาระผิดปกติ: เช่น ท้องผูกหรือท้องเสีย
- อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือด: เป็นอาการที่รุนแรงและควรพบแพทย์ทันที
อาการกรดไหลย้อนที่พบบ่อย
- แสบร้อนกลางอก: เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด รู้สึกเหมือนมีไฟไหม้หรือแสบร้อนบริเวณกลางอกและลิ้นปี่ มักเป็นมากขึ้นหลังรับประทานอาหารหรือเมื่อนอนราบ
- เรอเปรี้ยว หรือมีรสขมในปาก: เนื่องจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาถึงปาก
- กลืนลำบาก: รู้สึกเหมือนมีก้อนติดอยู่ในคอ หรือกลืนอาหารไม่ลง
- เจ็บคอ เสียงแหบ: กรดระคายเคืองเยื่อบุหลอดอาหารและกล่องเสียง
- ไอเรื้อรัง: เกิดจากการระคายเคืองของหลอดลมจากกรด
- หอบหืด: ในบางราย กรดไหลย้อนอาจกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืด
อาการที่บ่งบอกถึงภาวะแทรกซ้อน
- ปวดท้องรุนแรง เฉียบพลัน
- อาเจียนเป็นเลือด ปริมาณมาก
- ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ
- ตัวซีด ใจสั่น
- เป็นลม
*หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที
สาเหตุโรคกระเพาะ
โรคกระเพาะอาหารเกิดจากหลายปัจจัย เช่น:
- เชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori): สาเหตุหลักของโรคกระเพาะและแผลในกระเพาะอาหาร
- การใช้ยาบางชนิด: เช่น ยาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) และยาสเตียรอยด์
- พฤติกรรมการรับประทานอาหาร: เช่น การกินไม่ตรงเวลา อาหารรสจัด อาหารมัน หรือดื่มแอลกอฮอล์
- ความเครียด: ส่งผลต่อการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร
- การสูบบุหรี่: ทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารอ่อนแอ
การรักษาโรคกระเพาะ
การรักษา ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค เช่น:
- การใช้ยาแก้โรคกระเพาะอาหาร
- ยาลดกรด เช่น Antacids หรือ Proton Pump Inhibitors (PPIs)
- ยาเคลือบกระเพาะ และยาป้องกันการหลั่งกรด
- ยาฆ่าเชื้อ H. pylori หากตรวจพบเชื้อ
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- รับประทานอาหารให้ตรงเวลา หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมัน อาหารทอด แอลกอฮอล์ และกาแฟ
- งดสูบบุหรี่
- จัดการความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การทำสมาธิ การฟังเพลง หรือการออกกำลังกาย
- การผ่าตัด
- ใช้ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือกระเพาะอาหารทะลุ
วิธีป้องกันโรคกระเพาะอาหาร และการดูแลตัวเอง
การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและบรรเทาอาการของโรคกระเพาะอาหาร:
- ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร:
- รับประทานอาหารให้ตรงเวลา อย่างน้อย 3 มื้อต่อวัน
- เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน
- รับประทานอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรรับประทานจนอิ่มเกินไป
- อาหารต้องห้ามสำหรับโรคกระเพาะ นั้น ให้หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการหลั่งกรด เช่น อาหารรสจัด อาหารมัน อาหารทอด แอลกอฮอล์ กาแฟ น้ำอัดลม ช็อกโกแลต มะเขือเทศ และผลไม้รสเปรี้ยว
- งดรับประทานอาหารก่อนนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ: ควรดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว
- งดสูบบุหรี่: บุหรี่มีสารนิโคตินที่กระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร
- พักผ่อนให้เพียงพอ: ควรนอนหลับวันละ 7-8 ชั่วโมง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
รวมร้านอาหารสุขภาพในศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค
-
BAIMIANG - ร้านค้าสินค้าเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ มีทั้งอาหารพร้อมทาน ขนม เบเกอรี่ และผลิตภัณฑ์เฮลตี้ วัตถุดิบจากแบรนด์ดัง
-
พิกัด: ชั้น G โซน B
-
เวลาเปิดทำการ:
-
จันทร์ - ศุกร์ 10.30 - 21.00 น.
-
เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00 - 21.00 น.
-
-
-
LEMON FARM - น้ำผึ้งคัดสรรอาหารธรรมชาติ คุณภาพสูงเพื่อเป็นทางเลือกสุขภาพดีสำหรับคุณ
-
พิกัด: ชั้น G โซน B
-
เวลาเปิดทำการ:
-
จันทร์ - ศุกร์ 10.30 - 21.00 น.
-
เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00 - 21.00 น.
-
-
-
WHITE STORY - อาหารฟิวชันหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกมื้อสุขภาพ
-
พิกัด: ชั้น G โซน B
-
เวลาเปิดทำการ:
-
จันทร์ - ศุกร์ 10.30 - 21.00 น.
-
เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00 - 21.00 น.
-
-
-
WATCHARAWAN GREEN FARM - อาหารและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก สดใหม่ ปลอดภัย ส่งตรงถึงมือคุณ
-
พิกัด: ชั้น G โซน A
-
เวลาเปิดทำการ:
-
จันทร์ - ศุกร์ 10.30 - 21.00 น.
-
เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00 - 21.00 น.
-
-
-
TAN TAN - ทาน ทาน - รวมผลไม้อบแห้งสารอาหารสูง เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแบบปัง ๆ
-
พิกัด: ชั้น G โซน B
-
เวลาเปิดทำการ:
-
จันทร์ - ศุกร์ 10.30 - 21.00 น.
-
เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00 - 21.00 น.
-
-
-
SIZZLER - ซิซซ์เล่อร์ - สลัดบาร์แบบจัดเต็ม เหมาะกับทุกวัย
-
พิกัด: ชั้น G โซน B
-
เวลาเปิดทำการ:
-
จันทร์ - ศุกร์ 10.30 - 21.00 น.
-
เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00 - 21.00 น.
-
-
-
SALAD FACTORY - รวมสลัดหลากหลายสไตล์ พร้อมเมนูเพื่อสุขภาพที่คุณต้องลอง
-
พิกัด: ชั้น G โซน B
-
เวลาเปิดทำการ:
-
จันทร์ - ศุกร์ 10.30 - 21.00 น.
-
เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00 - 21.00 น.
-
-
-
SABAIJAI สบายใจ - จำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพแบบครบวงจร ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภคที่มีคุณภาพจากธรรมชาติ
-
พิกัด: ชั้น G โซน B
-
เวลาเปิดทำการ:
-
จันทร์ - ศุกร์ 10.30 - 21.00 น.
-
เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00 - 21.00 น.
-
-
สำหรับผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อน
- นอนหนุนหัวสูง: ประมาณ 6-8 นิ้ว เพื่อป้องกันกรดไหลย้อน
- ลดน้ำหนัก: หากมีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
- พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ: โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงหรือมีอาการเรื้อรัง
มะเร็งกระเพาะอาหาร
มะเร็งกระเพาะอาหารเป็นโรคที่เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์ในเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งสามารถลุกลามไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
อาการของมะเร็งกระเพาะอาหาร
- ปวดท้องเรื้อรัง โดยเฉพาะบริเวณลิ้นปี่
- เบื่ออาหารและน้ำหนักลดอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ
- คลื่นไส้ อาเจียน บางครั้งมีเลือดปน
- ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ เนื่องจากมีเลือดในระบบทางเดินอาหาร
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือรู้สึกอิ่มเร็วหลังรับประทานอาหารเพียงเล็กน้อย
ปัจจัยเสี่ยง
- การติดเชื้อ Helicobacter pylori
- การรับประทานอาหารเค็ม อาหารหมักดอง หรืออาหารที่มีสารไนโตรซามีน
- การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
- ประวัติครอบครัวที่เคยมีผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหาร
การป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีความเสี่ยง เช่น อาหารเค็มจัดและอาหารหมักดอง
- รับประทานผักและผลไม้สดอย่างเพียงพอ
- งดสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์
- ตรวจสุขภาพและปรึกษาแพทย์หากมีอาการผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร
การรักษา
การรักษามะเร็งกระเพาะอาหารขึ้นอยู่กับระยะของโรคและสุขภาพของผู้ป่วย เช่น:
- การผ่าตัดเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็ง
- การทำเคมีบำบัดและรังสีรักษา
- การรักษาด้วยยามุ่งเป้า (Targeted therapy) เพื่อควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
โรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อนสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอย่างเหมาะสม หากคุณมีอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันโรคกระเพาะอาหารเรื้อรังและภาวะแทรกซ้อนในอนาคต
สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านศรีนครินทร์ และพื้นที่ใกล้เคียง "คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค" (Ramathibodi Health Space) ที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกสบาย ในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่ รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค เปิดให้บริการทุกวัน 8.00-20.00 น.
โทร. 0-2201-0640-45
Line Official Account : @ramaparadise
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค คลิกที่นี่
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการคำแนะนำในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์