ความดันโลหิตสูง ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
ภัยเงียบที่อาจคร่าชีวิต! รู้ทันอาการ สาเหตุ และวิธีป้องกัน พร้อมไขคำตอบ "ความดันปกติเท่าไหร่" "ความดันสูงควรทำอย่างไร" รวมถึงแนะนำอาหารลดความดันโลหิตสูง เพื่อสุขภาพที่ดี ห่างไกลโรคร้าย
ความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่ความดันเลือดในหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติ ความดันปกติเท่าไหร่? คำถามนี้หลายคนสงสัย ค่าความดันปกติจะอยู่ที่ประมาณ 120/80 mmHg หากสูงกว่านี้ หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ภาวะนี้มักไม่แสดง อาการความดันโลหิตสูง ในระยะแรก จึงถูกเรียกว่า "ภัยเงียบ" แต่หากปล่อยทิ้งไว้ อาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไต หรือในบางรายอาจเกิด ความดันสูงเฉียบพลัน ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
แล้วถ้าความดันสูงควรทำอย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!
ความดันโลหิตคืออะไร?
ความดันโลหิต หมายถึง แรงดันของเลือดที่ดันผนังหลอดเลือดแดง โดยมีหน่วยวัดเป็น มิลลิเมตรปรอท (mmHg) แบ่งเป็น 2 ค่า ได้แก่
- ความดัน ซิสโตลิก (Systolic): ค่าความดันสูงสุด ขณะที่หัวใจบีบตัว
- ความดัน ไดแอสโตลิก (Diastolic): ค่าความดันต่าสุด ขณะที่หัวใจคลายตัว
อาการของความดันโลหิตสูง
ในระยะแรก ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง มักไม่แสดงอาการ แต่อาจมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย
- ปวดศีรษะ
- วิงเวียนศีรษะ
- หน้ามืด
- ใจสั่น
- เหนื่อยง่าย
หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที
- เจ็บหน้าอก
- แน่นหน้าอก
- หายใจไม่อิ่ม
- พูดไม่ชัด
- แขนขาอ่อนแรง
สาเหตุความดันโลหิตสูง
เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- พันธุกรรม: หากบุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคความดันโลหิตสูง จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรค เนื่องจากยีนที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม อาจส่งผลต่อการทางานของไต หลอดเลือด และระบบประสาท ซึ่งควบคุมความดันโลหิต
- อายุที่เพิ่มขึ้น: ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดจะลดลงตามอายุ ทาให้หลอดเลือดแข็งตัว ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
- โรคอ้วน: ภาวะน้าหนักเกิน ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น นอกจากนี้ ไขมันส่วนเกิน ยังอาจไปสะสมในผนังหลอดเลือด ทาให้หลอดเลือดตีบ และความดันโลหิตสูงขึ้น
- ขาดการออกกำลังกาย: การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจ และเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด การขาดการออกกำลังกาย จึงทาให้หัวใจทางานหนักขึ้น และความดันโลหิตสูงขึ้น
- การรับประทานอาหารรสเค็มจัด: โซเดียมในอาหาร ทำให้ร่างกายกักเก็บน้า เพิ่มปริมาณเลือด และความดันโลหิต อาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป อาหารหมักดอง และขนมขบเคี้ยว
- ความเครียด: ความเครียด กระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก หลั่งฮอร์โมน เช่น อะดรีนาลีน ทำให้หัวใจเต้นเร็ว หลอดเลือดหดตัว และความดันโลหิตสูงขึ้น
- การสูบบุหรี่: สารนิโคตินในบุหรี่ ทำให้หลอดเลือดหดตัว หัวใจเต้นเร็ว และความดันโลหิตสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังทำลายผนังหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์ รบกวนการทำงานของระบบประสาท ที่ควบคุมความดันโลหิต และกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน ที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
ภาวะแทรกซ้อน
โรคความดันโลหิตสูง เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ดังนี้
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- โรคหัวใจล้มเหลว
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคไตเรื้อรัง
- โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน
- โรคความดันโลหิตสูงขึ้นจอประสาทตา
การวัดความดันโลหิตด้วยตนเอง
การวัดความดันโลหิตเป็นประจำ ช่วยให้สามารถติดตาม และควบคุมความดันโลหิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน มีเครื่องวัดความดันโลหิตแบบดิจิตอล ที่ใช้งานง่าย และมีความแม่นยาสูง ผู้ป่วยสามารถวัดความดันโลหิตด้วยตนเองที่บ้านได้ โดยทาตามขั้นตอนดังนี้
ก่อนการวัด
- นั่งพักอย่างน้อย 5 นาที ในท่าที่ผ่อนคลาย เท้าราบกับพื้น ไม่ไขว่ห้าง
- ไม่ควรสูบบุหรี่ ดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนการวัด 30 นาที
- ควรเข้าห้องน้ำ ก่อนการวัด เพื่อป้องกันการปวดปัสสาวะ ระหว่างการวัด
ขั้นตอนการวัด
-
สวมปลอกแขน ให้พอดีกับต้นแขน โดยให้ขอบล่างของปลอกแขน อยู่เหนือข้อพับแขนประมาณ 2-3 เซนติเมตร
- วางแขน บนโต๊ะ หรือที่วางแขน โดยให้ตำแหน่งของปลอกแขน อยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ
- กดปุ่มเริ่ม บนเครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องจะทำการวัด และแสดงผลค่าความดันโลหิต บนหน้าจอ
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ควรวัดความดันโลหิต ในเวลาเดียวกันของทุกวัน เช่น เช้า และเย็น
- ควรบันทึกค่าความดันโลหิต ที่วัดได้ เพื่อนำไปเปรียบเทียบ และติดตามผลการรักษา
- หากพบว่า ค่าความดันโลหิตผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์
การรักษาและป้องกัน หรือ วิธีลดความดันโลหิตสูง
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นหัวใจสำคัญ ในการควบคุม และลดความดันโลหิตสูง โดยควรปฏิบัติดังนี้
- ควบคุมอาหาร: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี เนื้อปลา และไขมันที่ดี เช่น น้ำมันมะกอก จำกัดอาหารรสหวาน อาหารแปรรูป และอาหารที่มีไขมันสูง
- ลดบริโภคอาหารเค็ม อาหารโซเดียม: เนื่องจากการรับประทานอาหารรสเค็มที่มีโซดียมมากเกินไปทำให้เกิดความดันเลือดสูง หรือควบคุมความดันโลหิตได้ยากมากขึ้น ปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวัน คือ ไม่ควรกินโซเดียมเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือควรกินเกลือไม่เกินวันละ 1 ช้อนชา หรือเทียบกับน้ำปลาไม่เกินวันละ 4 ช้อนชา เท่ากับหรือน้อยกว่า 5 กรัม ต่อวัน ของโซเดียมคลอไรด์ ในทางปฏิบัติแนะนำให้ชิมก่อนปรุง ลดการปรุงเครื่องปรุงรส ผงชูรส ผงปรุงรสที่มีสารประกอบโซเดียมสูงในอาหารในอาหาร หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น แฮม กุนเชียง ไส้กรอก หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว และอ่านฉลากโภชนาการแสดงปริมาณโซเดียมก่อนการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อย 30 นาที ส่วนใหญ่ในสัปดาห์ ควบคู่กับการฝึกกล้ามเนื้อ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
- ลดความเครียด: ความเครียด เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ควรฝึกจัดการความเครียด ด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การฝึกหายใจ การทำสมาธิ การฟังเพลง หรือการใช้เวลากับธรรมชาติ
- งดสูบบุหรี่ และงดดื่มแอลกอฮอล์: สารนิโคตินในบุหรี่ และแอลกอฮอล์ ส่งผลเสียต่อหลอดเลือด และหัวใจ ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และหลอดเลือด
เทคนิคเพิ่มเติมในการควบคุมความดันโลหิต
- การฝึกหายใจ: การฝึกหายใจ ช่วยลดความเครียด และควบคุมระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งมีผลต่อการเต้นของหัวใจ และความดันโลหิต ควรฝึกหายใจเข้าลึกๆ และหายใจออกช้าๆ เป็นประจาทุกวัน
- การทาสมาธิ: การทาสมาธิ ช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย ลดความเครียด และควบคุมอารมณ์ ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิต รวมถึง การควบคุมความดันโลหิต
- การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อน อย่างเพียงพอ ช่วยให้ร่างกาย และจิตใจ ได้ฟื้นฟู ลดความเครียด และควบคุมฮอร์โมน ที่เกี่ยวข้องกับความดันโลหิต ผู้ใหญ่ ควรนอนหลับ คืนละ 7-8 ชั่วโมง
- การจัดการความเครียด: เรียนรู้ และฝึกฝน วิธีจัดการความเครียด ที่เหมาะสมกับตนเอง เช่น การออกกาลังกาย การพูดคุยกับเพื่อน หรือการทากิจกรรมที่ชอบ เพื่อลดผลกระทบ จากความเครียด ต่อสุขภาพ
การรับประทานยา
หากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ยังไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ แพทย์ อาจพิจารณา ให้รับประทานยา เพื่อลดความดันโลหิต โดยผู้ป่วย ต้องรับประทานยา ตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไม่ควรหยุดยาเอง หรือปรับขนาดยาเอง
การตรวจสุขภาพ
การตรวจสุขภาพประจำปี เป็นสิ่งสาคัญ เพื่อตรวจหา และป้องกันโรค ต่างๆ รวมถึง โรคความดันโลหิตสูง โดยแพทย์ จะทำการตรวจร่างกาย วัดความดันโลหิต ตรวจเลือด และตรวจปัสสาวะ เพื่อประเมินความเสี่ยง และวางแผนการรักษา ที่เหมาะสม
เทคนิคการควบคุมความดันโลหิต การฝึกหายใจ การทาสมาธิ การนอนหลับพักผ่อน และการจัดการความเครียด เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพ แบบองค์รวม ที่ช่วยให้ สามารถควบคุม และลดความดันโลหิตสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรจำ: การตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยให้กำรรักษำได้ผลดีขึ้น และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภำพชีวิตที่ดีขึ้น
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทควำมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ควำมรู้เบื้องต้นเท่ำนั้น ไม่สำมำรถใช้ทดแทนคำแนะนำของแพทย์ หำกมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์
สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านศรีนครินทร์ และพื้นที่ใกล้เคียง "คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค" (Ramathibodi Health Space) ที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกสบาย ในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่ รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค เปิดให้บริการทุกวัน 8.00-20.00 น.
โทร. 0-2201-0640-45
Line Official Account : @ramaparadise
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค คลิกที่นี่
แหล่งที่มาและเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง https://www.rama.mahidol.ac.th/