โรคลมพิษ (Urticaria) เป็นภาวะที่ผิวหนังเกิดผื่นนูนแดงหรือขาว มักมีอาการคันร่วมด้วย ผื่นสามารถขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย และมักเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ซึ่งสามารถรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก หากไม่รู้จักดูแลหรือป้องกันอย่างถูกวิธี
สาเหตุของโรคลมพิษ
โรคลมพิษเกิดจากการที่ร่างกาย ปล่อยสารฮีสตามีน (Histamine) และสารเคมีอื่น ๆ ออกจากเซลล์แมสต์ (mast cells) ซึ่งส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัว ของเหลวซึมออกจากเส้นเลือดเข้าสู่ผิวหนัง จึงเกิดเป็นผื่นนูนแดง คัน และบวม
โดยสามารถแบ่งสาเหตุออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
1. สารกระตุ้นจากภายนอก (External Triggers)
อาหาร (Food)
- อาหารทะเล (เช่น กุ้ง ปู หอย)
- ถั่วลิสง, ถั่วเปลือกแข็ง (almond, walnut)
- ไข่ นมวัว
- ช็อกโกแลต สารแต่งสี กลิ่น หรือวัตถุกันเสีย
ยา (Medications)
- ยาปฏิชีวนะ (เช่น penicillin, sulfa drugs)
- ยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs (เช่น ibuprofen, aspirin)
- ยารักษาความดันโลหิต
- ยาระงับประสาทหรือยานอนหลับบางชนิด
สารเคมี (Chemicals)
- น้ำหอม
- ผลิตภัณฑ์ซักล้าง เช่น ผงซักฟอก สบู่ แชมพู
- โลชั่นหรือเครื่องสำอางที่มีสารก่อภูมิแพ้
2. ปัจจัยทางกายภาพ (Physical Triggers)
ความร้อน/ความเย็นจัด
- การสัมผัสกับอากาศเย็น (cold urticaria)
- การอาบน้ำร้อน หรืออบซาวน่า (heat urticaria)
แรงกดทับหรือขีดข่วน
- การสวมเสื้อผ้าคับแน่น
- การสะพายกระเป๋าหนัก
- การขีดเขียนบนผิว (dermographism)
แสงแดด (Solar urticaria)
-
ผื่นลมพิษที่เกิดขึ้นทันทีหลังจากโดนแสงแดด
การออกแรงหรือเหงื่อออกมาก
- เช่น การออกกำลังกายหนัก ๆ (exercise-induced urticaria)
- การอาบน้ำหรือโดนฝน
3. ปัจจัยจากภายในร่างกาย (Internal/Immune-related Causes)
การติดเชื้อ
- ไวรัส: ไข้หวัด, ไวรัสตับอักเสบ
- แบคทีเรีย: การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ, ฟันผุ, ต่อมทอนซิลอักเสบ
- พยาธิ: ลำไส้หรือระบบย่อยอาหาร
ความเครียดหรือภาวะอารมณ์
- ฮอร์โมนและระบบภูมิคุ้มกันอาจถูกรบกวน ทำให้กระตุ้นลมพิษได้
- มักพบในผู้ที่มีความวิตกกังวลสูงหรือมีภาวะซึมเศร้า
โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน (Autoimmune)
- เช่น โรคไทรอยด์, SLE, หรือโรคแพ้ภูมิตัวเองอื่น ๆ
- ในบางกรณีลมพิษอาจเกิดโดยไม่มีสารกระตุ้นจากภายนอก แต่เกิดจากภูมิคุ้มกันที่ทำงานผิดปกติ
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
-
พบในหญิงตั้งครรภ์ หรือระหว่างรอบเดือน
บรรเทาอากาศด้วยการประคบเย็น
การ ประคบเย็นบริเวณที่เป็นลมพิษ สามารถช่วยบรรเทาอาการได้จริงในหลายกรณี โดยเฉพาะเมื่อมี อาการคัน บวม หรือแสบร้อน ร่วมด้วย
ลดอาการคันและบวมชั่วคราว ความเย็นจะช่วยทำให้หลอดเลือดหดตัว ลดการไหลของเลือดและสารก่อการอักเสบไปยังผิวหนัง
-
ลดอุณหภูมิของผิวที่อักเสบ
โดยเฉพาะถ้าลมพิษเกิดจากความร้อนหรืออากาศร้อน -
ทำให้รู้สึกสบายขึ้น
ลดความรู้สึกระคายเคืองหรือร้อนผ่าว
ข้อควรระวัง
- หลีกเลี่ยงการประคบโดยตรงกับน้ำแข็งหรือเจลเย็นจัด โดยไม่ห่อผ้าหรือผ้าขนหนูบาง ๆ ก่อน เพื่อป้องกันผิวหนังถูกทำลายจากความเย็น (frostbite)
- อย่าประคบนานเกิน 15–20 นาทีในแต่ละครั้ง
ตัวช่วยเสริมอื่น ๆ ที่ใช้คู่กับการประคบเย็น
- ทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวแบบเย็น เช่น คาลาไมน์โลชั่น (Calamine) หรือ เจลว่านหางจระเข้
- ทายาแก้แพ้เฉพาะที่ตามคำแนะนำของแพทย์
- รับประทานยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วง (เช่น Loratadine หรือ Cetirizine)
วิธีการรักษาโรคลมพิษ
การรักษาลมพิษขึ้นอยู่กับ ความรุนแรงและระยะเวลา ของอาการ:
1. ยาต้านฮีสตามีน (Antihistamines)
-
ตัวอย่างยา เช่น loratadine, cetirizine, fexofenadine ช่วยลดอาการคัน บวม และผื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ยาสเตียรอยด์
-
ใช้ในกรณีที่ลมพิษรุนแรงหรือดื้อต่อยาต้านฮีสตามีน *ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น*
3. การรักษาสาเหตุที่แท้จริง
- หากพบว่าเกิดจากอาหาร ยา หรือสิ่งกระตุ้นเฉพาะ ควรหลีกเลี่ยงทันที
- สำหรับลมพิษเรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุอย่างละเอียด
**หมายเหตุ : สอบถามหมอแล้วเภสัชก่อนใช่ยาทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
วิธีการป้องกันโรคลมพิษ
การป้องกันสำคัญไม่แพ้การรักษา โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เป็นซ้ำหรือมีประวัติภูมิแพ้:
1. หลีกเลี่ยงสารกระตุ้นที่เคยแพ้
-
บันทึกสิ่งที่กินหรือใช้ก่อนมีอาการ เพื่อหาตัวกระตุ้น
2. ดูแลสุขภาพจิต
- ลดความเครียดด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่กดดันมากเกินไป
3. รักษาความสะอาดผิวหนังและเสื้อผ้า
- ใช้น้ำยาซักผ้าที่อ่อนโยน
- สวมใส่เสื้อผ้าหลวม ระบายอากาศได้ดี
4. ปรึกษาแพทย์เมื่อลมพิษเกิดซ้ำบ่อย
-
อาจมีโรคพื้นฐานอื่นร่วมด้วย เช่น โรคไทรอยด์หรือภูมิคุ้มกันผิดปกติ
โรคลมพิษแม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่สามารถสร้างความรำคาญและรบกวนการใช้ชีวิตได้อย่างมาก การรู้เท่าทันสาเหตุ การดูแลรักษาอย่างเหมาะสม และการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมโรคนี้ได้ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการลมพิษบ่อยครั้ง อย่าละเลย ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านศรีนครินทร์ และพื้นที่ใกล้เคียง "คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค" (Ramathibodi Health Space) ที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกสบาย ในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่ รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค เปิดให้บริการทุกวัน 8.00-20.00 น.
โทร. 0-2201-0640-45
Line Official Account : @ramaparadise
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค คลิกที่นี่
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการคำแนะนำในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์