โรคหัด! ภัยร้ายใกล้ตัวคุณ
“โรคหัด” เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งแพร่กระจายได้ง่ายมากผ่านทางการไอ จาม หรือการสัมผัสกับน้ำมูก หรือน้ำลายของผู้ป่วย และสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก อาการเด่นของโรคหัดคือมีผื่นแดงขึ้นตามตัว แต่ก่อนที่จะมีผื่น ผู้ป่วยมักจะมีไข้สูง ไอ น้ำมูกไหล และตาแดง
สาเหตุและการแพร่กระจายของโรคหัด
โรคหัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Measles ซึ่งเป็นไวรัสในกลุ่ม Paramyxovirus เชื้อไวรัสชนิดนี้จะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางระบบทางเดินหายใจ และแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ทำให้เกิดอาการต่างๆ ตามมา เชื้อไวรัสสามารถอยู่ในอากาศได้นานถึง 2 ชั่วโมง ทำให้ผู้ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันมีโอกาสติดเชื้อได้สูง
สามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้
- ระยะเริ่มแรก: ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น ไข้สูง ไอ น้ำมูกไหล ตาแดง และอาจมีจุดสีขาวเล็กๆ ในช่องปากเรียกว่า จุดคอปลิก
- ระยะผื่น: หลังจากมีอาการไข้ประมาณ 3-4 วัน จะเริ่มมีผื่นแดงขึ้นตามตัวโดยเริ่มจากใบหน้าก่อน แล้วค่อย ๆ ลามลงมาที่ลำตัว แขน และขา ผื่นเหล่านี้จะค่อยๆ จางหายไปเองภายใน 7-10 วัน
- ระยะฟื้นตัว: หลังจากผื่นจางหายไป ผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกดีขึ้น แต่ยังคงมีอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าได้อีกสักระยะหนึ่ง
วิธีสังเกตอาการของลูกน้อย
นอกจากอาการที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีอาการอื่นๆ ที่บ่งบอกว่าลูกน้อยของคุณอาจกำลังป่วยเป็นโรคหัด เช่น
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ: รู้สึกปวดเมื่อยตามตัว
- เบื่ออาหาร: ไม่ค่อยอยากอาหาร
- โดนแสงแดดจ้าเป็นเวลานาน: รู้สึกแสบตาเมื่อโดนแสงจ้า
- มีไข้สูงติดต่อกันหลายวัน: ไข้สูงไม่ลดลงแม้จะทานยาลดไข้
ทำไมโรคหัดถึงอันตราย?
โรคหัดไม่ได้เป็นเพียงแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่เป็นโรคที่สามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้หลายอย่าง เช่น
- ปอดอักเสบ: เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุดในผู้ป่วยโรคหัด โดยเชื้อไวรัสจะเข้าไปทำลายเซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการอักเสบและการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม
- สมองอักเสบ: ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยเชื้อไวรัสจะเข้าไปทำลายเซลล์สมอง ทำให้เกิดการอักเสบและความเสียหายของระบบประสาท
- หูชั้นกลางอักเสบ: การอักเสบของหูชั้นกลางอาจนำไปสู่การสูญเสียการได้ยิน
- โรคทางระบบประสาทอื่นๆ: เช่น โรคตับอักเสบ โรคไตอักเสบ และโรคหัวใจอักเสบ
วิธีป้องกันโรคหัด
โรคหัด เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไวรัส มักพบในเด็กเล็ก และมีอาการเด่นชัดคือ ไข้สูง ผื่นแดงตามตัว และตาแดง การรักษาโรคหัดเน้นไปที่การดูแลอาการให้บรรเทาลง เพราะปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสโรคหัดโดยเฉพาะ
การดูแลที่บ้าน
- ให้ดื่มน้ำมากๆ: เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งเป็นอันตรายต่อเด็กเล็ก
- พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนจะช่วยให้ร่างกายได้ฟื้นตัว
- ทานอาหารอ่อน: อาหารเหลวหรืออาหารที่ย่อยง่าย จะช่วยลดภาระของระบบทางเดินอาหาร
- เช็ดตัวลดไข้: หากเด็กมีไข้สูง ให้เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดไข้
- หลีกเลี่ยงแสงจ้า: เนื่องจากตาจะไวต่อแสง
- ให้ยาตามแพทย์สั่ง: เช่น ยาลดไข้ พาราเซตามอล
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น: เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังคนอื่นๆ
- พาพบแพทย์: หากอาการรุนแรงขึ้น เช่น ไข้สูงไม่ลด ไอมาก หายใจลำบาก มีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ
การป้องกันที่ดีที่สุด
- ฉีดวัคซีน MMR: วัคซีน MMR ป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน ควรพาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนตามกำหนด
- วิตามินเอ แพทย์อาจแนะนำให้เด็กได้รับวิตามินเอเสริม ซึ่งมีส่วนช่วยลดความรุนแรงของโรคและลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
อาการแบบใดควรไปพบแพทย์
หากลูกน้อยของคุณมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคหัด ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการดังต่อไปนี้
- ไข้สูงไม่ลด
- หายใจลำบาก
- มีผื่นขึ้นมากผิดปกติ
โปรแกรมแพ็คเกจการฉีดวัคซีนของ คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิกที่นี่
สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านศรีนครินทร์ และพื้นที่ใกล้เคียง "คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค" (Ramathibodi Health Space) ที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกสบาย ในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่ รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค เปิดให้บริการทุกวัน 8.00-20.00 น.
โทร. 0-2201-0640-45
Line Official Account : @ramaparadise
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค คลิกที่นี่
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการคำแนะนำในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์