ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) : อาการ สาเหตุ และวิธีการรักษาด้วยกายภาพบำบัด
ออฟฟิศซินโดรม แก้ไขได้ด้วยกายภาพบำบัด! บทความนี้รวบรวมทุกข้อมูล ตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีรักษา และการป้องกัน
Office Syndrome หรือ ออฟฟิศซินโดรม กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในกลุ่มคนวัยทำงานยุคใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย เช่น ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ หรือแม้แต่นิ้วล็อค ล้วนเป็นสัญญาณเตือนของออฟฟิศซินโดรมที่ไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับออฟฟิศซินโดรม ตั้งแต่สาเหตุ อาการ และวิธีการรักษาด้วยกายภาพบำบัด รวมถึงวิธีป้องกัน เพื่อให้คุณทำงานได้อย่างมีความสุข และมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว
สาเหตุของออฟฟิศซินโดรม
ออฟฟิศซินโดรม เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งพฤติกรรมการทำงาน สภาพแวดล้อม และการใช้ชีวิตประจำวัน โดยสาเหตุหลักๆ ได้แก่
- ท่าทางการทำงานที่ไม่ถูกต้อง
- การนั่งทำงานเป็นเวลานาน โดยไม่ลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถ
- การนั่งหลังค่อม ก้มหน้า มองจอคอมพิวเตอร์
- การใช้เมาส์และคีย์บอร์ดอย่างไม่ถูกวิธี
- การวางตำแหน่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่เหมาะสม เช่น ต่ำเกินไป หรือ สูงเกินไป
- การใช้สายตาเพ่งมองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
- การอยู่ในท่าทางซ้ำๆ เป็นเวลานาน
- สภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น
- แสงสว่างไม่เพียงพอ ทำให้ต้องเพ่งสายตามากขึ้น
- อุณหภูมิไม่เหมาะสม เช่น เย็นเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง
- โต๊ะและเก้าอี้ไม่ ergonomically designed ไม่รองรับสรีระ
- สภาพอากาศ เช่น อากาศร้อนหรือเย็นเกินไป
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น
- การขาดการออกกำลังกาย
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ
- ความเครียด วิตกกังวล
- การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
- การสูบบุหรี่
- การดื่มแอลกอฮอล์
- ปัจจัยด้านอายุ: อายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อ
- โรคประจำตัว: เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
อาการของออฟฟิศซินโดรม
อาการของออฟฟิศซินโดรม มีหลากหลายขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- อาการปวดกล้ามเนื้อ
- ปวดหลัง: อาจปวดบริเวณ หลังส่วนล่าง กลางหลัง หรือหลังส่วนบนได้ บางรายอาจมีอาการปวดร้าวลงขา
- ปวดคอ: มักปวดบริเวณ ต้นคอ ท้ายทอยหรือบ่า อาจมีอาการตึงคอร่วมด้วย
- ปวดไหล่: ปวดบริเวณหัวไหล่หรือสะบักอาจมีอาการยกแขนไม่ขึ้น หรือหมุนแขนลำบาก
- อาการที่มือและข้อมือ
- นิ้วล็อค (Trigger finger): นิ้วมืองอ หรือเหยียดติด ขยับได้ไม่สะดวก
- เอ็นข้อมืออักเสบ (Carpal Tunnel Syndrome): ปวดและชาบริเวณข้อมือ และนิ้วมือ โดยเฉพาะนิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง
- ชาปลายนิ้ว: มักเกิดจากการกดทับเส้นประสาท
- อาการที่ตา
- ตาแห้ง: เกิดจากการใช้สายตาจ้องมองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
- ตาพร่ามัว: มองเห็นภาพไม่ชัดเจน
- ปวดตา: รู้สึกเมื่อยล้าบริเวณดวงตา
- อาการอื่นๆ
- ปวดศีรษะ/เวียนศีรษะ: อาจปวดหัวแบบ ตุ๊บๆ หรือปวดข้างเดียว วิงเวียน บ้านหมุน
- อ่อนเพลีย: ไม่มีแรงเหนื่อยง่าย
- ใจสั่น: เกิดจากความเครียด
- ท้องผูก: เกิดจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน และการขาดการออกกำลังกาย
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ: ในผู้หญิงเกิดจากความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ
วิธีการรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยกายภาพบำบัด
กายภาพบำบัดเป็นทางเลือกการรักษาออฟฟิศซินโดรมที่ปลอดภัยและได้ผลดี โดยนักกายภาพบำบัดจะประเมินอาการ และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
วิธีการรักษา อาจประกอบด้วย
- การยืดกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดอาการปวด
- การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและปรับสมดุลร่างกาย
- การนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
- การประคบร้อน/เย็น เพื่อลดอาการปวดและอักเสบ
- การใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด เช่น อัลตราซาวนด์ เลเซอร์
- การใช้ยา: เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ
- การฝังเข็ม: ช่วย กระตุ้น การไหลเวียนเลือด และ ลด อาการปวด
- การผ่าตัด: ใน กรณี ที่ มี อาการ รุนแรง เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
นอกจากนี้ นักกายภาพบำบัด จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตนเอง เช่น
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน
- การจัดสภาพแวดล้อมในการทำงาน
- การออกกำลังกาย ที่เหมาะสม
ป้องกันออฟฟิศซินโดรม จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน
นั่งทำงานโดยรักษาท่าทางที่ถูกต้อง โดยท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง คือ
- เลือกเก้าอี้ที่เหมาะสม: ควรมีพนักพิงที่รองรับสรีระของหลังและสามารถปรับระดับความสูงได้
- ปรับระดับความสูงของเก้าอี้: ให้เท้าราบกับพื้นและเข่างอเป็นมุม 90 องศา
- นั่งหลังตรง: พิงพนักพิงและไม่ควรนั่งหลังค่อม
- วางหน้าจอคอมพิวเตอร์ ในระดับสายตา: ไม่ควรก้ม หรือ เงยหน้ามากเกินไป
- ใช้เมาส์และคีย์บอร์ดอย่างถูกวิธี: วางข้อมือให้อยู่ในแนวตรง และไม่ควรกดแรงเกินไป
- ลุกขึ้นยืนและเดินหรือยืดเส้นยืดสายทุกๆชั่วโมงเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- พักสายตาทุกๆ 20 นาทีโดยมองไปที่วัตถุที่อยู่ไกลๆ
- จัดตารางการทำงานและพักผ่อนให้เหมาะสม ไม่ควรทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน
- ฝึกจัดการความเครียด เช่น การฝึกหายใจ การทำสมาธิ
จัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม
- เลือกโต๊ะและเก้าอี้ที่เหมาะสมกับสรีระ
- ปรับแสงสว่างให้เพียงพอ
- จัดอุณหภูมิห้องให้เหมาะสม
- ลด สิ่งรบกวน เช่น เสียงดัง
ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อย สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที
-
เลือกกิจกรรมที่ชอบ เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ โยคะ เต้นแอโรบิก
ดูแลสุขภาพ โดยรวม
- รับประทานอาหาร ที่ มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่
- ดื่มน้ำ ให้ เพียงพอ
- นอนหลับพักผ่อน ให้ เพียงพอ
- งด สุรา และ บุหรี่
ออฟฟิศซินโดรม อันตรายหรือไม่? (Keyword: ออฟฟิศซินโดรม อันตราย ไหม, ออฟฟิศซินโดรม เสี่ยงเป็นโรค อะไรบ้าง)
- ปวดเรื้อรัง: อาการปวด กล้ามเนื้อ และ ข้อ ต่อ ที่ เป็น ๆ หาย ๆ อาจ รบกวน การใช้ชีวิตประจำวัน และ ทำให้ คุณภาพชีวิต ลดลง
- ความผิดปกติของระบบประสาท: เช่น ชา อ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบ ซึ่ง อาจ ส่งผลต่อ การ เคลื่อนไหว และ การ ทำงาน
- โรค กระดูก และ ข้อ: เช่น ข้อเสื่อม หมอนรองกระดูก เสื่อม หรือ กระดูกสันหลัง คด ซึ่ง อาจ ทำให้ เกิด อาการปวด และ จำกัด การ เคลื่อนไหว
- โรค หัวใจ และ หลอดเลือด: เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เนื่องจาก การ ขาด การ ออกกำลังกาย และ ความเครียด
- ปัญหาสุขภาพจิต: เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล นอนไม่หลับ ซึ่ง ส่งผลต่อ คุณภาพชีวิต และ การ ทำงาน
ท่ากายภาพบำบัด ที่ทำเองได้ที่บ้าน
- ยืดกล้ามเนื้อคอ: เอียงคอไปทางซ้ายและขวาค้างไว้ ข้างละ 15 วินาที
- ยืดกล้ามเนื้อไหล่: หมุนไหล่ไปข้างหน้าและข้างหลังช้าๆ ข้างละ 10 ครั้ง
- ยืดกล้ามเนื้อหลัง: นั่งยืดตัวตรงยกแขนขึ้นเหนือศีรษะและเอียงตัวไปด้านข้าง ค้างไว้ข้างละ 15 วินาที
- บริหารข้อมือ: กำและแบมือช้าๆ 10 ครั้ง
คำถามที่พบบ่อย
- กายภาพบำบัดช่วยรักษาออฟฟิศซินโดรมได้ จริงหรือ?
- กายภาพบำบัดช่วยรักษาออฟฟิศซินโดรมได้จริง โดยนักกายภาพบำบัดจะประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- ต้องทำกายภาพบำบัดบ่อยแค่ไหนถึงจะหาย?
- ความถี่ในการทำกายภาพบำบัดขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไปอาจต้องทำสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง
- นอกจากกายภาพบำบัด มีวิธีอื่นๆในการรักษาออฟฟิศซินโดรม อีกไหม?
- มี เช่น การ ใช้ยา การฝังเข็ม การผ่าตัด แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกวิธีการรักษา
- ฉันควรไปพบแพทย์เมื่อไร? หากมีอาการปวดมากหรือเรื้อรังควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านศรีนครินทร์ และพื้นที่ใกล้เคียง "คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค" (Ramathibodi Health Space) ที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกสบาย ในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่ รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค เปิดให้บริการทุกวัน 8.00-20.00 น.
โทร. 0-2201-0640-45
Line Official Account : @ramaparadise
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค คลิกที่นี่
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการคำแนะนำในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์