ออฟฟิศซินโดรม(Office Syndrome) อาการ สาเหตุ และวิธีการรักษาด้วยกายภาพบำบัด

  •  17 ก.พ. 68

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) : อาการ สาเหตุ และวิธีการรักษาด้วยกายภาพบำบัด 

ออฟฟิศซินโดรม แก้ไขได้ด้วยกายภาพบำบัด! บทความนี้รวบรวมทุกข้อมูล ตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีรักษา และการป้องกัน

 

Office Syndrome หรือ ออฟฟิศซินโดรม กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในกลุ่มคนวัยทำงานยุคใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย เช่น ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ หรือแม้แต่นิ้วล็อค ล้วนเป็นสัญญาณเตือนของออฟฟิศซินโดรมที่ไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับออฟฟิศซินโดรม ตั้งแต่สาเหตุ อาการ และวิธีการรักษาด้วยกายภาพบำบัด รวมถึงวิธีป้องกัน เพื่อให้คุณทำงานได้อย่างมีความสุข และมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว

สาเหตุของออฟฟิศซินโดรม

ออฟฟิศซินโดรม เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งพฤติกรรมการทำงาน สภาพแวดล้อม และการใช้ชีวิตประจำวัน โดยสาเหตุหลักๆ ได้แก่ 

  • ท่าทางการทำงานที่ไม่ถูกต้อง
    • การนั่งทำงานเป็นเวลานาน โดยไม่ลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถ 
    • การนั่งหลังค่อม ก้มหน้า มองจอคอมพิวเตอร์
    • การใช้เมาส์และคีย์บอร์ดอย่างไม่ถูกวิธี 
    • การวางตำแหน่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่เหมาะสม เช่น ต่ำเกินไป หรือ สูงเกินไป 
    • การใช้สายตาเพ่งมองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน 
    • การอยู่ในท่าทางซ้ำๆ เป็นเวลานาน 
  • สภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น  
    • แสงสว่างไม่เพียงพอ ทำให้ต้องเพ่งสายตามากขึ้น 
    • อุณหภูมิไม่เหมาะสม เช่น เย็นเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง 
    • โต๊ะและเก้าอี้ไม่ ergonomically designed ไม่รองรับสรีระ 
    • สภาพอากาศ เช่น อากาศร้อนหรือเย็นเกินไป  
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น
    • การขาดการออกกำลังกาย
    • การพักผ่อนไม่เพียงพอ
    • ความเครียด วิตกกังวล
    • การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
    • การสูบบุหรี่
    • การดื่มแอลกอฮอล์
  • ปัจจัยด้านอายุ: อายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อ 
  • โรคประจำตัว: เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ 

อาการของออฟฟิศซินโดรม

อาการของออฟฟิศซินโดรม มีหลากหลายขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่ 

  • อาการปวดกล้ามเนื้อ
    • ปวดหลัง: อาจปวดบริเวณ หลังส่วนล่าง กลางหลัง หรือหลังส่วนบนได้ บางรายอาจมีอาการปวดร้าวลงขา 
    • ปวดคอ: มักปวดบริเวณ ต้นคอ ท้ายทอยหรือบ่า อาจมีอาการตึงคอร่วมด้วย 
    • ปวดไหล่: ปวดบริเวณหัวไหล่หรือสะบักอาจมีอาการยกแขนไม่ขึ้น หรือหมุนแขนลำบาก 
  • อาการที่มือและข้อมือ
    • นิ้วล็อค (Trigger finger): นิ้วมืองอ หรือเหยียดติด ขยับได้ไม่สะดวก
    • เอ็นข้อมืออักเสบ (Carpal Tunnel Syndrome): ปวดและชาบริเวณข้อมือ และนิ้วมือ โดยเฉพาะนิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง 
    • ชาปลายนิ้ว: มักเกิดจากการกดทับเส้นประสาท
  • อาการที่ตา
    • ตาแห้ง: เกิดจากการใช้สายตาจ้องมองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน 
    • ตาพร่ามัว: มองเห็นภาพไม่ชัดเจน 
    • ปวดตา: รู้สึกเมื่อยล้าบริเวณดวงตา
  • อาการอื่นๆ
    • ปวดศีรษะ/เวียนศีรษะ: อาจปวดหัวแบบ ตุ๊บๆ หรือปวดข้างเดียว วิงเวียน บ้านหมุน 
    • อ่อนเพลีย: ไม่มีแรงเหนื่อยง่าย 
    • ใจสั่น: เกิดจากความเครียด
    • ท้องผูก: เกิดจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน และการขาดการออกกำลังกาย 
    • ประจำเดือนมาไม่ปกติ: ในผู้หญิงเกิดจากความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ 

วิธีการรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยกายภาพบำบัด

กายภาพบำบัดเป็นทางเลือกการรักษาออฟฟิศซินโดรมที่ปลอดภัยและได้ผลดี โดยนักกายภาพบำบัดจะประเมินอาการ และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

วิธีการรักษา อาจประกอบด้วย 

  • การยืดกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดอาการปวด 
  • การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและปรับสมดุลร่างกาย 
  • การนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด 
  • การประคบร้อน/เย็น เพื่อลดอาการปวดและอักเสบ 
  • การใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด เช่น อัลตราซาวนด์ เลเซอร์ 
  • การใช้ยา: เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ 
  • การฝังเข็ม: ช่วย กระตุ้น การไหลเวียนเลือด และ ลด อาการปวด 
  • การผ่าตัด: ใน กรณี ที่ มี อาการ รุนแรง เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท 

นอกจากนี้ นักกายภาพบำบัด จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตนเอง เช่น

  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน
  • การจัดสภาพแวดล้อมในการทำงาน
  • การออกกำลังกาย ที่เหมาะสม

ป้องกันออฟฟิศซินโดรม จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน

นั่งทำงานโดยรักษาท่าทางที่ถูกต้อง โดยท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง คือ  

  • เลือกเก้าอี้ที่เหมาะสม: ควรมีพนักพิงที่รองรับสรีระของหลังและสามารถปรับระดับความสูงได้  
  • ปรับระดับความสูงของเก้าอี้: ให้เท้าราบกับพื้นและเข่างอเป็นมุม 90 องศา  
  • นั่งหลังตรง: พิงพนักพิงและไม่ควรนั่งหลังค่อม  
  • วางหน้าจอคอมพิวเตอร์ ในระดับสายตา: ไม่ควรก้ม หรือ เงยหน้ามากเกินไป  
  • ใช้เมาส์และคีย์บอร์ดอย่างถูกวิธี: วางข้อมือให้อยู่ในแนวตรง และไม่ควรกดแรงเกินไป  
  • ลุกขึ้นยืนและเดินหรือยืดเส้นยืดสายทุกๆชั่วโมงเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ 
  • พักสายตาทุกๆ 20 นาทีโดยมองไปที่วัตถุที่อยู่ไกลๆ
  • จัดตารางการทำงานและพักผ่อนให้เหมาะสม ไม่ควรทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน 
  • ฝึกจัดการความเครียด เช่น การฝึกหายใจ การทำสมาธิ

จัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม

  • เลือกโต๊ะและเก้าอี้ที่เหมาะสมกับสรีระ 
  • ปรับแสงสว่างให้เพียงพอ 
  • จัดอุณหภูมิห้องให้เหมาะสม 
  • ลด สิ่งรบกวน เช่น เสียงดัง 

ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อย สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที  

  • เลือกกิจกรรมที่ชอบ เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ โยคะ เต้นแอโรบิก 

ดูแลสุขภาพ โดยรวม  

  • รับประทานอาหาร ที่ มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ 
  • ดื่มน้ำ ให้ เพียงพอ 
  • นอนหลับพักผ่อน ให้ เพียงพอ 
  • งด สุรา และ บุหรี่

ออฟฟิศซินโดรม อันตรายหรือไม่? (Keyword: ออฟฟิศซินโดรม อันตราย ไหม, ออฟฟิศซินโดรม เสี่ยงเป็นโรค อะไรบ้าง) 

  • ปวดเรื้อรัง: อาการปวด กล้ามเนื้อ และ ข้อ ต่อ ที่ เป็น ๆ หาย ๆ อาจ รบกวน การใช้ชีวิตประจำวัน และ ทำให้ คุณภาพชีวิต ลดลง  
  • ความผิดปกติของระบบประสาท: เช่น ชา อ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบ ซึ่ง อาจ ส่งผลต่อ การ เคลื่อนไหว และ การ ทำงาน  
  • โรค กระดูก และ ข้อ: เช่น ข้อเสื่อม หมอนรองกระดูก เสื่อม หรือ กระดูกสันหลัง คด ซึ่ง อาจ ทำให้ เกิด อาการปวด และ จำกัด การ เคลื่อนไหว  
  • โรค หัวใจ และ หลอดเลือด: เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เนื่องจาก การ ขาด การ ออกกำลังกาย และ ความเครียด  
  • ปัญหาสุขภาพจิต: เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล นอนไม่หลับ ซึ่ง ส่งผลต่อ คุณภาพชีวิต และ การ ทำงาน 

ท่ากายภาพบำบัด ที่ทำเองได้ที่บ้าน 

  • ยืดกล้ามเนื้อคอ: เอียงคอไปทางซ้ายและขวาค้างไว้ ข้างละ 15 วินาที
  • ยืดกล้ามเนื้อไหล่: หมุนไหล่ไปข้างหน้าและข้างหลังช้าๆ ข้างละ 10 ครั้ง
  • ยืดกล้ามเนื้อหลัง: นั่งยืดตัวตรงยกแขนขึ้นเหนือศีรษะและเอียงตัวไปด้านข้าง ค้างไว้ข้างละ 15 วินาที  
  • บริหารข้อมือ: กำและแบมือช้าๆ 10 ครั้ง

คำถามที่พบบ่อย

  • กายภาพบำบัดช่วยรักษาออฟฟิศซินโดรมได้ จริงหรือ?
    • กายภาพบำบัดช่วยรักษาออฟฟิศซินโดรมได้จริง โดยนักกายภาพบำบัดจะประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล 
  • ต้องทำกายภาพบำบัดบ่อยแค่ไหนถึงจะหาย?
    • ความถี่ในการทำกายภาพบำบัดขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไปอาจต้องทำสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง 
  • นอกจากกายภาพบำบัด มีวิธีอื่นๆในการรักษาออฟฟิศซินโดรม อีกไหม?
    • มี เช่น การ ใช้ยา การฝังเข็ม การผ่าตัด แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกวิธีการรักษา 
  • ฉันควรไปพบแพทย์เมื่อไร? หากมีอาการปวดมากหรือเรื้อรังควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง

สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านศรีนครินทร์ และพื้นที่ใกล้เคียง "คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค" (Ramathibodi Health Space) ที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกสบาย ในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่ รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค เปิดให้บริการทุกวัน 8.00-20.00 น.

โทร. 0-2201-0640-45 

Line Official Account : @ramaparadise

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค คลิกที่นี่

คลีนิกพรีเมี่ยมรามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ

รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ (ด้านหน้า)

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการคำแนะนำในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์