ปวดหลังช่วงล่าง อย่าทน! รู้ทันสาเหตุและวิธีรักษา
อาการปวดหลังล่าง ที่เรียกกันทั่วไปว่า low back pain เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในทุกช่วงอายุ ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มสาววัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ อาการปวดอาจเป็นๆ หายๆ หรือเรื้อรัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หากปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่าได้
ปวดหลังช่วงล่างคือมีสาเหตุจากอะไร?
ก่อนอื่นเรามาดูระบบกล้ามเนื้อแนวหลังล่าง ว่าประกอบด้วย อะไรบ้าง
- กลุ่มกล้ามเนื้อ Erector Spinae : อยู่ยึดกับแนวยาวของกระดูกสันหลังทั้ง 2 ข้าง และเกาะยึดกับแนวข้อต่อ ทำหน้าที่แอ่นหรืองอลำตัว
- กล้ามเนื้อ Latissimus Dorsi : เป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ครอบคลุมตั้งแต่แนวล่างสะบัก กลางหลัง ถึงแนวสีข้างบั้นเอว ทำหน้าที่ช่วยก้มหลัง ดึงแขนเข้าหาลำตัว หรือ หมุนแขนเข้าด้านใน
- กล้ามเนื้อ Quadratus Lumborum (QL) : อยู่บริเวณหลังส่วนล่างเกาะแนวซี่โครงและเชิงกราน ทำหน้าที่เพิ่มความมั่นคงแข็งแรงให้แนวกระดูกสันหลัง ช่วยเอียงตัวไปด้านข้าง เหยียดสันหลัง ยกสะโพกขึ้น
สาเหตุของอาการปวดหลังช่วงล่าง
- โรคปวดกล้ามเนื้อหลังเรื้อรัง (Myofascial pain syndrome)
- การนั่งทำงานในท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน การยกของหนัก หรือแม้แต่ความเครียด อาจทำให้กล้ามเนื้อหลังเกิดการหดเกร็งจนเกิดปมที่เรียกว่า "Trigger point" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอาการเจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิด Trigger points บริเวณกล้ามเนื้อ Quadratus Lumborum เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของปัญหาปวดหลังล่าง
- โรคกระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูกเสื่อม (Degenerative changes)
- เมื่ออายุมากขึ้น หมอนรองกระดูกที่ทำหน้าที่รองรับกระดูกสันหลังจะค่อยๆ เสื่อมสภาพ ทำให้กระดูกสันหลังเสียดสีกันและกดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการปวด ชา หรืออ่อนแรงที่ขา โดยเฉพาะเส้นประสาทไซอาติก (Sciatica)
- โรคปวดหลังจากความผิดปกติของอวัยวะอื่นๆ
- อาการปวดหลังล่างอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆ เช่น นิ่วในไต หรือกรวยไตอักเสบ ซึ่งมักจะมีอาการปวดบริเวณสีข้างร่วมด้วย
การรักษาอาการปวดหลังล่าง
การรักษาอาการปวดหลังล่างจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง หากคุณมีอาการปวดกล้ามเนื้อหลังเรื้อรัง หรือปวดจากการกดทับเส้นประสาทไซอาติก การรักษาด้วยวิธี การกดจุดลึก และปรับโครงสร้างกล้ามเนื้อ (Deep Acupressure and Muscle Restructuring) อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
คลินิกหมอโสฬสช่วยคุณได้อย่างไร?
คลินิกหมอโสฬสมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาอาการบาดเจ็บจากการปวดเมื่อย พร้อมให้บริการตรวจประเมินสภาพกล้ามเนื้อ ตามหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์ วางแผนการรักษา และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง เพื่อให้นักวิ่งทุกคนสามารถกลับไปวิ่งได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง
- การรักษาโดยการกดจุด Trigger Points: การกดจุด Trigger Points เป็นเทคนิคการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวด และคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็ง หรือพังผืด ช่วยลดการตึงเครียดของกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง
- รักษาอาการบาดเจ็บ: ไม่ว่าคุณจะมีอาการปวดเข่า ข้อเท้า หรือกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ คุณหมอสามารถวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณกลับไปวิ่งได้อีกครั้ง
- ประเมินสภาพกล้ามเนื้อ: สำหรับนักวิ่งที่ยังไม่มีอาการบาดเจ็บ การตรวจประเมินสภาพกล้ามเนื้อจะช่วยให้คุณรู้ถึงประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อ และวางแผนการฝึกซ้อมได้อย่างเหมาะสม
Trigger Point คืออะไร?
Trigger Point คือ ปมกล้ามเนื้อหรือผังผืดที่แข็งตึง เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำๆ ทำให้กล้ามเนื้ออักเสบและเกิดเป็นปม จากอาการตึงเครียด และเกร็งตัวจน ไปขัดขวางเส้นเลือดไม่ให้สามารถนำพาสารอาหาร และออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงได้เต็มที่ ไปทำให้ข้อต่อต่างๆ เสื่อมสภาพ และไปเบียดรบกวนเส้นประสาทให้ส่งสัญญานที่ผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย ตึงชา และอาจส่งผลให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ปวดหัว ปวดหลัง ปวดข้อต่อต่างๆ
การกดจุดสลาย Trigger Point คือ การนวดเพื่อสลายปมกล้ามเนื้อเหล่านี้ ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย เลือดไหลเวียนดีขึ้น และอาการปวดต่างๆ จะเน้นการแก้ปัญหาที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่อขณะทำการรักษา จะรู้สึกเจ็บกว่าการนวดแผนไทยทั่วไป ในทุกๆ ครั้งที่ทำการรักษา พังผืดจะค่อยๆ ถูกสลายไปเรื่อยๆ เมื่อพังผืดถูกสลายจนหมด กล้ามเนื้อ และข้อต่อบริเวณนั้นๆ มีความยืดหยุ่น อาการปวด ตึง ชา แสบร้อน อ่อนแรง หรืออาการผิดปกติอื่นๆ จะหายไปอย่างถาวร
ข้อดีของการกดจุดสลาย Trigger Point
- แก้ปัญหาตรงจุด: แก้ปมกล้ามเนื้อที่เป็นต้นเหตุของอาการปวดโดยตรง
- เห็นผลเร็ว: อาการดีขึ้นหลังทำเพียง 1-2 ครั้ง
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน: หากดูแล ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาการปวดเมื่อยจะหายไปอย่างถาวร แต่หากผู้ป่วยยังจำเป็นต้องอยู่ในอิริยาบถเดิมๆ ร่างกายก็จะค่อยๆ เริ่มสะสมพังผืดใหม่ แต่กว่าจะสะสมจนกลับมามีอาการแบบเดิมนั้น จะใช้ระยะเวลานานมาก (เป็น 10 ปี)
ข้อควรระวัง
- รู้สึกเจ็บ: ระหว่างการรักษาจะรู้สึกเจ็บ เนื่องจากกดที่ปมกล้ามเนื้อโดยตรง
- อาการอาจเปลี่ยนแปลง: หลังทำ อาการปวดอาจย้ายที่ไปยังจุดอื่น แต่จะค่อยๆ หายไปเอง
สัญญาณเตือนที่ควรพบแพทย์
- ปวดหลังล่างอย่างรุนแรงจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
- ปวดร้าวลงขา สะโพก น่อง หรือเท้า
- ปวดหลังล่างหลังจากได้รับบาดเจ็บ หรือหกล้ม
- ปวดหลังล่างร่วมกับปัญหาในการควบคุมปัสสาวะ หรืออุจจาระ
-
*หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการคำแนะนำในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์