หายใจไม่เต็มปอด จุกแน่นกลางหลัง? รู้จักกล้ามเนื้อต้นเหตุ และวิธีรักษา
หายใจไม่เต็มปอด จุกแน่นกลางหลัง? รู้จักกล้ามเนื้อต้นเหตุ และวิธีรักษา
เคยไหม? ที่รู้สึกหายใจไม่เต็มปอด หายใจแล้วจุกที่กลางหลัง หรือแน่นหน้าอก อาการเหล่านี้อาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัด หายใจลำบาก และส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
กล้ามเนื้อหายใจที่สำคัญ
การหายใจเป็นกลไกที่ซับซ้อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานของกล้ามเนื้อหลายส่วน โดยกล้ามเนื้อที่สำคัญต่อการหายใจเข้า-ออก ได้แก่
- กลุ่มกล้ามเนื้อหายใจเข้า:
- กล้ามเนื้อกะบังลม (Diaphragm): เป็นกล้ามเนื้อหลักที่ใช้ในการหายใจเข้า เมื่อหดตัวจะเคลื่อนต่ำลง ทำให้ปริมาตรช่องอกเพิ่มขึ้น อากาศจึงไหลเข้าสู่ปอด
- กล้ามเนื้อ External intercostal: ช่วยยกซี่โครงขึ้น ทำให้ปริมาตรช่องอกขยายออก
- กล้ามเนื้อ Sternocleidomastoid: ช่วยยกกระดูกอกขึ้น
- กล้ามเนื้อ Scalene: ช่วยยกซี่โครงคู่แรก
- กล้ามเนื้อ Serratus anterior: ช่วยยกซี่โครงทางด้านข้างและด้านหน้า
- กลุ่มกล้ามเนื้อหายใจออก:
- กล้ามเนื้อ Internal intercostal: ช่วยดึงซี่โครงลง
- กล้ามเนื้อ Rectus abdominis: ช่วยยกอวัยวะในช่องท้องขึ้นไป
ทำไมถึงหายใจไม่เต็มปอด?
โดยปกติแล้ว การหายใจเข้าจะใช้กล้ามเนื้อหายใจเข้าเป็นหลัก ส่วนการหายใจออกเป็นการคลายตัวของกล้ามเนื้อ ยกเว้นเวลาไอหรือจามแรง ๆ ที่จะใช้กล้ามเนื้อหายใจออก
อาการหายใจไม่เต็มปอด หรือแน่นหน้าอก มักมีสาเหตุมาจากความตึงเครียด หรือการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ จนเกิดเป็นจุดกดเจ็บร้าวหรือ “Trigger Points” บริเวณกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณต้นคอ หน้าอก และสะบัก (ตามจุดวงกลมสีเหลือง) ซึ่งมักจะถูกมองข้าม
คลินิกหมอโสฬสช่วยคุณได้อย่างไร?
คลินิกหมอโสฬสมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาอาการบาดเจ็บจากการปวดเมื่อย พร้อมให้บริการตรวจประเมินสภาพกล้ามเนื้อ ตามหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์ วางแผนการรักษา และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง เพื่อให้นักวิ่งทุกคนสามารถกลับไปวิ่งได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง
- การรักษาโดยการกดจุด Trigger Points: การกดจุด Trigger Points เป็นเทคนิคการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวด และคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็ง หรือพังผืด ช่วยลดการตึงเครียดของกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง
- รักษาอาการบาดเจ็บ: ไม่ว่าคุณจะมีอาการปวดเข่า ข้อเท้า หรือกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ คุณหมอสามารถวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณกลับไปวิ่งได้อีกครั้ง
- ประเมินสภาพกล้ามเนื้อ: สำหรับนักวิ่งที่ยังไม่มีอาการบาดเจ็บ การตรวจประเมินสภาพกล้ามเนื้อจะช่วยให้คุณรู้ถึงประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อ และวางแผนการฝึกซ้อมได้อย่างเหมาะสม
Trigger Point คืออะไร?
Trigger Point คือ ปมกล้ามเนื้อหรือผังผืดที่แข็งตึง เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำๆ ทำให้กล้ามเนื้ออักเสบและเกิดเป็นปม จากอาการตึงเครียด และเกร็งตัวจน ไปขัดขวางเส้นเลือดไม่ให้สามารถนำพาสารอาหาร และออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงได้เต็มที่ ไปทำให้ข้อต่อต่างๆ เสื่อมสภาพ และไปเบียดรบกวนเส้นประสาทให้ส่งสัญญานที่ผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย ตึงชา และอาจส่งผลให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ปวดหัว ปวดหลัง ปวดข้อต่อต่างๆ
การกดจุดสลาย Trigger Point คือ การนวดเพื่อสลายปมกล้ามเนื้อเหล่านี้ ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย เลือดไหลเวียนดีขึ้น และอาการปวดต่างๆ จะเน้นการแก้ปัญหาที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่อขณะทำการรักษา จะรู้สึกเจ็บกว่าการนวดแผนไทยทั่วไป ในทุกๆ ครั้งที่ทำการรักษา พังผืดจะค่อยๆ ถูกสลายไปเรื่อยๆ เมื่อพังผืดถูกสลายจนหมด กล้ามเนื้อ และข้อต่อบริเวณนั้นๆ มีความยืดหยุ่น อาการปวด ตึง ชา แสบร้อน อ่อนแรง หรืออาการผิดปกติอื่นๆ จะหายไปอย่างถาวร
ข้อดีของการกดจุดสลาย Trigger Point
- แก้ปัญหาตรงจุด: แก้ปมกล้ามเนื้อที่เป็นต้นเหตุของอาการปวดโดยตรง
- เห็นผลเร็ว: อาการดีขึ้นหลังทำเพียง 1-2 ครั้ง
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน: หากดูแล ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาการปวดเมื่อยจะหายไปอย่างถาวร แต่หากผู้ป่วยยังจำเป็นต้องอยู่ในอิริยาบถเดิมๆ ร่างกายก็จะค่อยๆ เริ่มสะสมพังผืดใหม่ แต่กว่าจะสะสมจนกลับมามีอาการแบบเดิมนั้น จะใช้ระยะเวลานานมาก (เป็น 10 ปี)
ข้อควรระวัง
- รู้สึกเจ็บ: ระหว่างการรักษาจะรู้สึกเจ็บ เนื่องจากกดที่ปมกล้ามเนื้อโดยตรง
- อาการอาจเปลี่ยนแปลง: หลังทำ อาการปวดอาจย้ายที่ไปยังจุดอื่น แต่จะค่อยๆ หายไปเอง
*หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการคำแนะนำในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์