"สะบักจม" ภัยเงียบคนออฟฟิศ รู้ทัน ป้องกันได้ด้วยการกดจุด Trigger Points
อาการปวดเมื่อยบริเวณบ่า สะบัก หรือหลัง มักเป็นปัญหาที่คนทำงานออฟฟิศหลายคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นจากการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ การยกของหนัก หรือแม้แต่ความเครียดสะสม อาการเหล่านี้อาจนำไปสู่ภาวะ "สะบักจม" หรือโรค "Scapulocostal syndrome" ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
สะบักจม คืออะไร?
สะบักจม คือภาวะที่กล้ามเนื้อบริเวณหลังตอนบน โดยเฉพาะกล้ามเนื้อรอบกระดูก เกิดการหดเกร็งและตึงเครียด ทำให้เกิดอาการปวด รู้สึกหนักบริเวณสะบัก หรืออาจมีอาการปวดร้าวไปยังบริเวณคอ บ่า กระดูกไหปลาร้าหรือแผ่นหลังได้
สาเหตุหลักของสะบักจม
- การใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำ ๆ: การนั่งทำงานในท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณสะบักต้องทำงานหนักและเกิดการหดเกร็ง
- การยกของหนัก: การยกของหนักเกินกำลัง หรือยกของไม่ถูกวิธี อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณสะบักได้รับบาดเจ็บ
- ความเครียด: ความเครียดสะสมทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายตึงเครียด รวมถึงกล้ามเนื้อบริเวณสะบัก
วิธีการรักษาสะบักจม
1.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- ปรับท่าทาง: นั่งหลังตรง หลีกเลี่ยงการก้มคอ หรือยกของหนักบ่อย
- พักผ่อน: หยุดกิจกรรมที่ทำให้ปวด
- ประคบร้อนหรือเย็น: ช่วยลดอาการปวดและอักเสบ
2.การออกกำลังกาย
- ยืดกล้ามเนื้อ: ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อรอบๆ สะบัก
- เสริมสร้างกล้ามเนื้อ: ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นและรองรับกระดูกสะบักได้ดีขึ้น
3. การรักษาทางกายภาพบำบัด
- นวด: ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึง
- การใช้เครื่องมือ: เช่น อัลตร้าซาวด์ หรือไฟฟ้ากระตุ้น
- การฝึกท่าทาง: เพื่อปรับปรุงท่าทางและการเคลื่อนไหว
4. การรักษาอื่นๆ
- ยา: ยาลดอาการปวดและอักเสบ
- การกดจุด Trigger point: การกดจุดสลาย “Trigger point” หรือ “พังผืด” ทำให้การเดินทางของสารอาหารและออกซิเจนสะดวกยิ่งขึ้น แล้วหายขาดจากการปวดเมื่อยอย่างสิ้นเชิง
Trigger Points ตัวการสำคัญ
Trigger Points หรือจุดกดเจ็บ คือบริเวณที่กล้ามเนื้อมีการหดเกร็งและไวต่อการกด เมื่อกดลงไปจะรู้สึกเจ็บ และอาจมีอาการปวดร้าวไปยังบริเวณอื่น ๆ ของร่างกายได้ Trigger Points บริเวณสะบักเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย และตึงเครียด
โดยกล้ามเนื้อรอบกระดูกสะบักที่สำคัญต่ออาการสะบักจม ดังนี้
- กล้ามเนื้อ Serratus Posterior Superior กล้ามเนื้อมัดลึกอยู่บริเวณด้านหลัง ส่วนบนของกระดูกทรวงอก ทำหน้าที่ยกกระดูกซี่โครงขึ้นขณะหายใจเข้า
- กลุ่มกล้ามเนื้อ Rhomboid กล้ามเนื้อมัดลึกที่อยู่บริเวณกึ่งกลางของแผ่นหลังระหว่าง กระดูกสันหลังและกระดูกสะบัก ทำหน้าที่ดึงสะบักเข้าหาแนวกลางลำตัว
- กล้ามเนื้อ Levator Scapulae อยู่บริเวณด้านหลังต้นคอ ทำหน้าที่ยกสะบัก และช่วยหมุนคอ เอียงคอ
คลินิกหมอโสฬสช่วยคุณได้อย่างไร?
คลินิกหมอโสฬสมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาอาการบาดเจ็บจากการปวดเมื่อย พร้อมให้บริการตรวจประเมินสภาพกล้ามเนื้อ ตามหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์ วางแผนการรักษา และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง เพื่อให้นักวิ่งทุกคนสามารถกลับไปวิ่งได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง
- การรักษาโดยการกดจุด Trigger Points: การกดจุด Trigger Points เป็นเทคนิคการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวด และคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็ง หรือพังผืด ช่วยลดการตึงเครียดของกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง
- รักษาอาการบาดเจ็บ: ไม่ว่าคุณจะมีอาการปวดเข่า ข้อเท้า หรือกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ คุณหมอสามารถวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณกลับไปวิ่งได้อีกครั้ง
- ประเมินสภาพกล้ามเนื้อ: สำหรับนักวิ่งที่ยังไม่มีอาการบาดเจ็บ การตรวจประเมินสภาพกล้ามเนื้อจะช่วยให้คุณรู้ถึงประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อ และวางแผนการฝึกซ้อมได้อย่างเหมาะสม
Trigger Point คืออะไร?
Trigger Point คือ ปมกล้ามเนื้อหรือผังผืดที่แข็งตึง เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำๆ ทำให้กล้ามเนื้ออักเสบและเกิดเป็นปม จากอาการตึงเครียด และเกร็งตัวจน ไปขัดขวางเส้นเลือดไม่ให้สามารถนำพาสารอาหาร และออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงได้เต็มที่ ไปทำให้ข้อต่อต่างๆ เสื่อมสภาพ และไปเบียดรบกวนเส้นประสาทให้ส่งสัญญานที่ผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย ตึงชา และอาจส่งผลให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ปวดหัว ปวดหลัง ปวดข้อต่อต่างๆ
การกดจุดสลาย Trigger Point คือ การนวดเพื่อสลายปมกล้ามเนื้อเหล่านี้ ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย เลือดไหลเวียนดีขึ้น และอาการปวดต่างๆ จะเน้นการแก้ปัญหาที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่อขณะทำการรักษา จะรู้สึกเจ็บกว่าการนวดแผนไทยทั่วไป ในทุกๆ ครั้งที่ทำการรักษา พังผืดจะค่อยๆ ถูกสลายไปเรื่อยๆ เมื่อพังผืดถูกสลายจนหมด กล้ามเนื้อ และข้อต่อบริเวณนั้นๆ มีความยืดหยุ่น อาการปวด ตึง ชา แสบร้อน อ่อนแรง หรืออาการผิดปกติอื่นๆ จะหายไปอย่างถาวร
ข้อดีของการกดจุดสลาย Trigger Point
- แก้ปัญหาตรงจุด: แก้ปมกล้ามเนื้อที่เป็นต้นเหตุของอาการปวดโดยตรง
- เห็นผลเร็ว: อาการดีขึ้นหลังทำเพียง 1-2 ครั้ง
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน: หากดูแล ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาการปวดเมื่อยจะหายไปอย่างถาวร แต่หากผู้ป่วยยังจำเป็นต้องอยู่ในอิริยาบถเดิมๆ ร่างกายก็จะค่อยๆ เริ่มสะสมพังผืดใหม่ แต่กว่าจะสะสมจนกลับมามีอาการแบบเดิมนั้น จะใช้ระยะเวลานานมาก (เป็น 10 ปี)
ข้อควรระวัง
- รู้สึกเจ็บ: ระหว่างการรักษาจะรู้สึกเจ็บ เนื่องจากกดที่ปมกล้ามเนื้อโดยตรง
- อาการอาจเปลี่ยนแปลง: หลังทำ อาการปวดอาจย้ายที่ไปยังจุดอื่น แต่จะค่อยๆ หายไปเอง
การป้องกันสะบักจม
- รักษาท่าทางที่ถูกต้อง: ทั้งขณะนั่ง ยืน และเดิน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก: หรือหากจำเป็นควรใช้ท่าที่ถูกต้อง
- พักผ่อนให้เพียงพอ: เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัว
*หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการคำแนะนำในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์