สิว เรื่องกวนใจที่ใครๆ ก็เจอ แต่จัดการได้!
สิวเป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อยในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ หรือแม้แต่วัยสูงอายุ สิวไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตของผู้ที่เป็นอีกด้วย
สิว คืออะไรกันแน่?
สิว คือการอุดตันของระบบต่อมไขมันในรูขุมขน โดยปกติแล้วไขมันที่สร้างจากต่อมไขมันจะออกมาตามรูขุมขน หากมีการอุดตันของทางเดินก็จะทำให้เกิดสิวอุดตัน ซึ่งจะพบเป็นลักษณะตุ่มเม็ดเล็ก ๆ ที่มีลักษณะเป็นไตสีขาว ๆ อยู่ข้างใน หากมีตัวกระตุ้นเพิ่มเติม เช่น แบคทีเรีย ก็อาจจะทำให้เกิดการอักเสบได้ และหากสิวอักเสบมากขึ้นแล้ว ก็จะกลายเป็นตุ่มหนอง เป็นสิวหัวช้าง และเป็นซีสต์ได้
กลไกการเกิดสิว
ผิวหนังของคนเราจะมีต่อมไขมันอยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งมีหน้าที่สร้างน้ำมันและไขมัน น้ำมันและไขมันที่ถูกสร้างขึ้นนี้จะถูกขับออกทางท่อน้ำมันซึ่งมีรูเปิดเดียวกับรูขุมขน เมื่อมีการกระตุ้นต่อมไขมัน น้ำมันและไขมันจะถูกสร้างมากขึ้น หากระบายออกจากท่อไขมันไม่ทัน จะเกิดการสะสมและค้างในรูขุมขน น้ำมันและไขมันก็จะกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังบริเวณดังกล่าวสร้างสารเคราตินมากขึ้น เมื่อสารเคราตินจับตัวแน่นกับน้ำมันและไขมัน จะเกิดเป็นสิวอุดตัน (โคมิโดน) ต่อมาการอุดตันนั้นทำให้เกิดสภาพไร้ออกซิเจนในรูขุมขน แบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว หรือโพรพิโอนิแบคทีเรียม แอคเน่ จะเจริญเติบโตได้ดี และทำให้เกิดการย่อยสลายไขมัน เป็นจุดเริ่มต้นของสิวอักเสบ จะเห็นได้ว่าสิวมักเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า หน้าอก หลังช่วงบน ไหล่ ซึ่งเป็นบริเวณที่ต่อมไขมันทำงานมา
ชนิดของสิว
สามารถแบ่งได้ 2 ชนิดตามลักษณะที่พบ ได้แก่
- สิวไม่อักเสบ เกิดจากการหนาตัวผิดปกติของผิวหนังบริเวณรูเปิดต่อมไขมันร่วมกับการผลิตไขมันมากเกินไป ทำให้เกิดการอุดตันของต่อมไขมัน ในระยะนี้จะมีสิวอุดตันหัวขาว (หัวปิด) และสิวอุดตัน (หัวเปิด)
- สิวอักเสบ เกิดจากการที่มีแบคทีเรียเป็นตัวกระตุ้นที่ชื่อว่า Cutibacterium acnes ทำให้เกิดสิวที่เป็นตุ่มแดงอักเสบ, สิวที่มีหนอง (ตุ่มหนอง), สิวอักเสบขนาดใหญ่ (สิวหัวช้าง) และสิวที่เป็นก้อนนูนแดง ภายในเป็นโพรงมีหนองปนเลือด (สิวซีสต์)
สาเหตุของการเกิดสิว
สามารถแบ่งปัจจัยหลักได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่
- ปัจจัยภายในร่างกาย เช่น ระดับฮอร์โมน การตอบสนองของร่างกายต่อฮอร์โมน กรรมพันธุ์ โรคเรื้อรัง และผิวพรรณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวเราตั้งแต่กำเนิด สำหรับฮอร์โมนที่มีผลต่อการเกิดสิว ได้แก่ฮอร์โมนเพศแอนโดรเจน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นต่อมไขมันได้ โดยส่วนมากแล้วฮอร์โมนจะมากขึ้นเมื่อเราเข้าสู่วัยรุ่น จึงมักพบสิวได้มากในวัยนี้และอาจอยู่ได้นานหลายปี
- ปัจจัยภายนอกร่างกาย เช่น ยา ครีม และเครื่องสำอางบางชนิด สภาพแวดล้อม แสงแดด อุณหภูมิ และอาหาร ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ สำหรับอาหารพบว่าผู้ที่รับประทานอาหารหวาน และอาหารจำพวกแป้งเป็นประจำอาจทำให้เกิดสิวได้ง่าย การใช้เครื่องสำอาง เช่น แป้ง ครีมบางชนิด เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเกิดสิว เนื่องจากส่วนผสมในเครื่องสำอางบางชนิดจะอุดตันรูขุมขนได้ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่สามารถพบสิวได้ในคนที่เลยช่วงวัยรุ่นไปแล้ว การระคายผิวบนใบหน้า เช่น การล้างหน้าที่มีการถูมาก หรือการบีบสิว รวมทั้งการใช้ยาบางชนิดก็ทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นได้ เช่น ยาคุมกำเนิด ยาสเตียรอยด์
วิธีการรักษาสิว
เป้าหมายในการรักษาสิวของแพทย์ผิวหนัง คือการช่วยให้สิวยุบตัวลงโดยเร็ว หยุดการเกิดสิวใหม่ และป้องกันการเกิดแผลเป็น โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยารักษาสิวทั้งชนิดรับประทาน หรือชนิดที่ทาภายนอก โดยคำนึงถึง อายุ ชนิดของสิว และระดับความรุนแรง และช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันบนใบหน้า การเกาะตัวกันของเซลล์ในรูขุมขนที่ผิดปกติ รวมถึงช่วยลดระดับไขมันใต้ชั้นผิวหนัง ลดแบคทีเรีย และลดการอักเสบ
ยาทาเฉพาะที่ หรือยารักษาสิวชนิดใช้ภายนอก (Topical medications)
- ยาปฏิชีวนะชนิดทา (Topical antibiotics) โดยใช้ร่วมกับยาทาเฉพาะที่ชนิดอื่น เช่น ยาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) เพื่อยับยั้งแบคทีเรีย และลดการผลิตน้ำมัน
- ยาทาเรตินอยด์ (Retinoids) ที่มีส่วนผสมของอนุพันธ์วิตามิน A เพื่อรักษาสิวและโรคที่อาจทำให้เกิดสิวซ้ำ และช่วยลดเลือนริ้วรอยจากแผลเป็น
- กรดอะเซลาอิก (Azelaic acid) และกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย ช่วยสลายสิวหัวดำและสิวหัวขาว และยังช่วยลดการผลัดเซลล์ผิวในรูขุมขน
- ซัลเฟอร์ (Sulfur) หรือกำมะถัน มีประสิทธิภาพช่วยสลายสิวหัวดำ และสิวหัวขาว
ยารักษาสิวชนิดรับประทาน (Oral medications)
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ที่ช่วยชะลอ หรือหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและลดการอักเสบ โดยแพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานร่วมกับชนิดที่ใช้ทาภายนอกสำหรับสิวที่มีระดับความรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก
- ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน (Oral contraceptives) ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนแอนโดรเจนที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว
- ฮอร์โมนต้านฤทธิ์แอนโดรเจน (Anti-androgen agents) เป็นยาต้านฮอร์โมนแอนโดรเจนสำหรับผู้หญิง มีคุณสมบัติช่วยลดผลกระทบของฮอร์โมนแอนโดรเจนที่ส่งผลต่อการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง
- เรตินอยด์ (Retinoids) หรือยากลุ่มอนุพันธุ์วิตามิน A ช่วยรักษาสิวโดยการช่วยเปิดรูขุมขนเพื่อให้ยาชนิดอื่น ๆ เช่น ยาปฏิชีวนะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่ และช่วยลดเลือนแผลเป็นจากสิว
ทั้งนี้ แพทย์ผิวหนังจะเป็นผู้พิจารณาทางเลือกในการรักษาที่ดีที่สุดของแต่ละบุคคล โดยคำนึงถึงผลการตรวจวินิจฉัยสภาพผิวโดยละเอียด
การรักษาสิวด้วยการบำบัด (Acne therapies)
ในผู้ที่เป็นสิวอักเสบรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาทาเฉพาะที่และ/หรือยารักษาสิวชนิดรับประทาน แพทย์อาจพิจารณาใช้วิธีการอื่น ๆ ในการรักษา เช่น
- การบำบัดด้วยแสง (Light therapy) เป็นการฉายแสง LED ความเข้มสูงช่วยกระตุ้นกลไกการฟื้นฟูของเซลล์ผิว และช่วยลดเลือนริ้วรอย
- การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical peeling) เป็นการบำบัดด้วยสารเคมีเพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกเพื่อสร้างเซลล์ผิวใหม่
- การกดสิว (Comedone extraction) แพทย์อาจพิจารณาการรักษาสิวโดยการกดสิวทั้งสิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวซีสต์ที่รักษาไม่หายด้วยการยาทาเฉพาะที่ อย่างไรก็ตามการกดสิวอาจทำให้เกิดแผลเป็น และอาจต้องมีการบำบัดสภาพผิวเพิ่มเติม
- ยาฉีดสเตียรอยด์ (Steroid injection) แพทย์อาจพิจารณาให้ยาฉีดสเตียรอยด์เพื่อช่วยลดการอักเสบของสิวอักเสบชนิดรุนแรง โดยฉีดตรงไปที่ผิวหนังบริเวณสิวอักเสบเพื่อช่วยให้สิวยุบตัวเร็วและลดความเจ็บปวด โดยอาจมีผลข้างเคียงคือทำให้ผิวบาง และสีผิวบริเวณที่ฉีดเข้มขึ้น
วิธีการป้องกันการเกิดสิว
- ไม่ควรล้างหน้ามากกว่าวันละ 2-3 ครั้ง เพราะจะทำให้ผิวแห้งเกินไป ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ล้างหน้าไม่ควรเป็นด่างมากเกินไป และไม่ควรถูหน้าแรงๆขณะล้างหน้าควรใช้ผ้าซับเบาๆ หลังล้างหน้า
- อาบน้ำ ล้างหน้า สระผมเป็นประจำเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง หรือแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหน้า เช่น สครับขัดผิว มาสก์หน้าที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
- เลือกใช้เครื่องสำอางที่ปราศจากส่วนผสมของน้ำมันและควรมีส่วนผสมของครีมกันแดด หรือเลือกใช้เวชสำอาง
- โกนหนวดอย่างระมัดระวัง เลือกครีมโกนหนวดสูตรอ่อนโยนต่อผิว
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันสูง และอาหารจำพวกแป้ง
- หลีกเลี่ยงภาวะที่ร้อน เพราะสิวบางชนิดอาจเห่อได้เมื่อสัมผัสอากาศร้อน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด เพราะจะทำให้รอยสิวหายช้า
- ไม่ใช้มือที่ไม่ได้ทำความสะอาดสัมผัสโดยตรงที่ใบหน้า
- ออกกำลังกาย และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย และไม่เครียด
สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ใน ย่านศรีนครินทร์ และพื้นที่ใกล้เคียง สามารถเข้ามารับคำแนะนำหรือรักษาปัญหาเกี่ยวกับ “สิว” ได้ที่ Romrawin Clinic ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ตั้งอยู่ชั้น 1 ทางเข้าออกลานจอดรถ หน้าโฮมโปร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถมาที่หน้าสาขา เปิดทุกวัน 8.00 น.- 20.00 น.
โทร 02 853 3891, 02 853 3892
LINE : @Romrawinclinic
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ROMRAWIN Clinic @พาราไดซ์ พาร์ค คลิกที่นี่
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการคำแนะนำในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ