หยุดโรคอ้วน! ถึงเวลาสร้างสุขภาพดีให้ตัวเอง

  •  25 ก.พ. 68

หยุดโรคอ้วน! ถึงเวลาสร้างสุขภาพดีให้ตัวเอง

หยุดโรคอ้วน! ถึงเวลาสร้างสุขภาพดีให้ตัวเอง

โรคอ้วน หรือ Obesity หมายถึง ภาวะที่ร่างกายของเรามีการสะสมไขมันใต้ชั้นผิวหนังมากกว่าปกติ หรือเกิดกว่าที่ร่างกายจะเผาผลาญ จึงมีการสะสมพลังงานที่เหลือจากการเผาผลาญในรูปแบบของไขมันบริเวณต่าง ๆ อาทิ ต้นแขน ต้นขา หรือหน้าท้อง แต่ในสังคมปัจจุบันมองว่าการที่มีไขมันในร่างกายเพียงเล็กน้อย อาจจะถูกมองว่าเป็นโรคอ้วนได้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ทางองค์การอนามัยโลก ได้มีการกำหนดการใช้ดัชนีมวลกาย หรือ Body  Mass  Index  (BMI) เป็นเกณฑ์ในการวัดว่าบุคคลนั้น สมส่วน น้ำหนักเกิน ภาวะอ้วน หรือเป็นโรคอ้วน 

ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นวิธีการวัดน้ำหนักของบุคคลเทียบกับส่วนสูงของร่ายการ โดยค่า BMI สัมพันธ์กับปริมาณไขมันภายในร่างกาย หากภายในร่างกายมีไขมันเพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่าค่า BMI ของบุคคลนั้นก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน  

 

วิธีการคำนวณ BMI ในการหาค่าดัชนีมวลกาย

BMI = น้ำหนักตัว [กิโลกรัม] ÷ ส่วนสูง [เมตร] ยกกำลังสอง

  • ยกตัวอย่างเช่น  ผู้หญิง : น้ำหนัก 60 กิโลกรัม ส่วนสูง 156 เซนติเมตร
    • ดัชนีมวลกาย (BMI) = 60 ÷ [1.56 x 1.56]
    • ดัชนีมวลกาย (BMI) = 60 ÷ 2.43
    • ดัชนีมวลกาย (BMI) = 24.69 

เมื่อเราได้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) แล้ว นำตัวเลขนี้ไปเทียบตามตารางเกณฑ์ BMI 

การแปรผล 

ผลคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI) 

ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน 

น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ 

น้อยกว่า 18.5 ลงไป 

มีความเสี่ยงในการเปิดโรคขาดสารอาหาร

น้ำหนักสมส่วน 

18.5 – 22.9 

โอกาสการเกิดโรคแทรกซ้อน น้อยที่สุด

น้ำหนักเกินมาตรฐาน 

23.0 – 24.0 

เริ่มมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนเล็กน้อย

อ้วน 

25.0 – 29.0  

เริ่มมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนในระยะอ้วนเริ่มต้น 

อ้วนมาก 

มากกว่า 30.0 ขึ้นไป 

เริ่มมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนอย่าง โรคอ้วน

บุคคลที่มีภาวะอ้วน หรือเป็นโรคอ้วน จะมีความเสี่ยงเป็นโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจจะตามมาพร้อมกับโรคอ้วนด้วยเช่นเดียวกัน  

ผลกระทบในด้านร่างกาย  

โรคอ้วนไม่ได้ส่งผลกระทบแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายในหลายด้านอย่างมาก ผมขออธิบายผลกระทบที่สำคัญดังนี้

1. ระบบหัวใจและหลอดเลือด

  • ความดันโลหิตสูง: ไขมันส่วนเกินทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบฉีดเลือด ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
  • โรคหัวใจ: คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูงจากโรคอ้วน เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและหัวใจวาย
  • โรคหลอดเลือดสมอง: ไขมันสะสมในหลอดเลือดสมอง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ: ไขมันที่สะสมบริเวณคอ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง ส่งผลให้หยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

2. ระบบทางเดินหายใจ

  • หายใจลำบาก: ไขมันที่สะสมบริเวณหน้าอกและช่องท้อง ทำให้ปอดขยายตัวได้ยาก ส่งผลให้หายใจลำบาก โดยเฉพาะขณะออกกำลังกาย
  • โรคหอบหืด: โรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหอบหืดและทำให้อาการแย่ลง

3. ระบบทางเดินอาหาร

  • โรคกรดไหลย้อน: ไขมันที่สะสมบริเวณช่องท้อง เพิ่มแรงดันในกระเพาะอาหาร ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นมา
  • โรคไขมันพอกตับ: ไขมันสะสมในตับ ทำให้ตับอักเสบและอาจนำไปสู่โรคตับแข็ง
  • นิ่วในถุงน้ำดี: โรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี

4. ระบบกระดูกและข้อ

  • โรคข้อเข่าเสื่อม: น้ำหนักที่มากเกินไป ทำให้ข้อเข่ารับน้ำหนักมากเกินไป ส่งผลให้ข้อเข่าเสื่อม
  • ปวดหลัง: น้ำหนักที่มากเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อหลังทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้ปวดหลัง

5. ระบบต่อมไร้ท่อ

  • โรคเบาหวานชนิดที่ 2: โรคอ้วนทำให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้น้อยลง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
  • ภาวะดื้ออินซูลิน: ร่างกายไม่สามารถใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. โรคมะเร็ง

  • โรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก และมะเร็งไต

7. ผลกระทบอื่นๆ

  • ปัญหาทางด้านจิตใจ: โรคอ้วนอาจนำไปสู่ความรู้สึกไม่มั่นใจในตนเอง ซึมเศร้า และวิตกกังวล
  • ปัญหาด้านการนอนหลับ: โรคอ้วนทำให้เกิดปัญหาการนอนหลับ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • ปัญหาด้านการเจริญพันธุ์: โรคอ้วนอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญพันธุ์ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง

 

ผลกระทบในด้านจิตใจและสุขภาพจิต 

โรคอ้วนไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพจิตใจด้วย ซึ่งผลกระทบทางจิตใจเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้ที่เป็นโรคอ้วนได้

ผลกระทบทางจิตใจของโรคอ้วน

1. ภาวะซึมเศร้า (Depression)

  • ผู้ที่เป็นโรคอ้วนมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะซึมเศร้ามากกว่าคนที่มีน้ำหนักปกติ เนื่องจากความรู้สึกไม่พึงพอใจในรูปร่างของตนเอง การถูกเลือกปฏิบัติทางสังคม และความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ
  •  นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน อาจส่งผลต่อสารสื่อประสาทในสมองที่ควบคุมอารมณ์ได

2.ความวิตกกังวล (Anxiety)

  • ความกังวลเกี่ยวกับรูปร่าง การถูกตัดสินจากผู้อื่น และปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน สามารถนำไปสู่ความวิตกกังวลได้
  • ความกังวลนี้อาจทำให้เกิดอาการทางกาย เช่น หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออก และนอนไม่หลับ

3. ความรู้สึกต่ำต้อย (Low Self-Esteem)

  • การถูกล้อเลียน การถูกเลือกปฏิบัติ และความรู้สึกไม่พึงพอใจในรูปร่างของตนเอง สามารถทำให้เกิดความรู้สึกต่ำต้อยและขาดความมั่นใจในตนเองได้

4. การถูกตีตราทางสังคม (Social Stigma)

  • สังคมมักมีทัศนคติเชิงลบต่อผู้ที่เป็นโรคอ้วน ทำให้พวกเขาอาจรู้สึกถูกโดดเดี่ยว ถูกตีตรา และถูกเลือกปฏิบัติ
  • การถูกตีตราทางสังคมนี้อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางสังคม การทำงาน และคุณภาพชีวิตโดยรวม

5. ปัญหาด้านภาพลักษณ์ของตนเอง (Body Image Issues)

  • โรคอ้วนสามารถทำให้เกิดความไม่พอใจในรูปร่างของตนเอง ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาด้านภาพลักษณ์ของตนเอง เช่น ความรู้สึกอับอาย ความรู้สึกผิด และความรู้สึกไม่น่าดึงดูด

6. ความผิดปกติในการรับประทานอาหาร (Eating Disorders)

  • โรคอ้วนสามารถเชื่อมโยงกับความผิดปกติในการรับประทานอาหาร เช่น การกินมากเกินไป (Binge Eating Disorder) หรือการรับประทานอาหารเพื่อปลอบประโลมจิตใจ (Emotional Eating)

ความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนและสุขภาพจิต

  • เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและมีสองทิศทาง กล่าวคือ โรคอ้วนอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิต และปัญหาสุขภาพจิตก็อาจนำไปสู่โรคอ้วนได้เช่นกัน
  • ตัวอย่างเช่น ภาวะซึมเศร้าอาจทำให้ผู้คนหันไปกินอาหารที่มีแคลอรี่สูงเพื่อปลอบประโลมจิตใจ ซึ่งนำไปสู่น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
  • การที่ผู้ป่วยโรคอ้วนมีปัญหาสุขภาพจิตร่วมด้วยนั้น จะทำให้การรักษาโรคอ้วนเป็นไปได้ยากขึ้นไปอีก

การดูแลสุขภาพจิตสำหรับผู้ที่เป็นโรคอ้วน

  • การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เช่น นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ สามารถช่วยจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนได้
  • การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน (Support Groups) สามารถช่วยให้ผู้ที่เป็นโรคอ้วนรู้สึกได้รับการสนับสนุนและเข้าใจจากผู้อื่น
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ สามารถช่วยปรับปรุงทั้งสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจได้

 

การลดน้ำหนัก หรือการควบคุมน้ำหนัก เพื่อสุขภาพและน้ำหนักที่พอดีแก่ร่างกายสามารถเริ่มทำได้จากการปรับพฤติกรรมทั้งด้านการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการนอนหลับพักผ่อน ดังนี้ 

1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร:

  • เน้นอาหารที่มีประโยชน์:
    • เพิ่มปริมาณผักและผลไม้: ให้ได้หลากหลายสีสัน เพื่อรับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น
    • เลือกโปรตีนไม่ติดมัน: เช่น ปลา ไก่ไม่ติดหนัง เต้าหู้ ถั่ว
    • บริโภคธัญพืชเต็มเมล็ด: เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีท
    • เลือกไขมันดี: เช่น อะโวคาโด ถั่ว น้ำมันมะกอก
  • ลดอาหารแปรรูปและน้ำตาล:
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง: เช่น น้ำอัดลม ขนมหวาน
    • ลดอาหารแปรรูป: เช่น อาหารสำเร็จรูป อาหารทอด
    • อ่านฉลากโภชนาการ: เพื่อควบคุมปริมาณแคลอรี่ น้ำตาล และไขมัน
  • ควบคุมปริมาณอาหาร:
    • รับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม: ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
    • ใช้จานขนาดเล็ก: เพื่อช่วยควบคุมปริมาณอาหาร
    • เคี้ยวอาหารช้าๆ: เพื่อให้สมองรับรู้ความอิ่ม
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ:
    • นักโภชนาการ: สามารถให้คำแนะนำในการวางแผนมื้ออาหารที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

2. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ:

  • เลือกกิจกรรมที่ชอบ:
    • เดินเร็ว: เป็นการออกกำลังกายที่ง่ายและปลอดภัย
    • ว่ายน้ำ: ช่วยลดแรงกระแทกต่อข้อต่อ
    • ปั่นจักรยาน: เป็นการออกกำลังกายที่สนุกและเพลิดเพลิน
    • ออกกำลังกายแบบแอโรบิก: ช่วยเผาผลาญแคลอรี่และเสริมสร้างความแข็งแรงของหัวใจและปอด
  • เริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป:
    • เพิ่มระยะเวลาและความเข้มข้นของการออกกำลังกายทีละน้อย
    • ตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้จริง
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์:
    • แบ่งออกเป็นครั้งละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์

3. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต:

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ:
    • นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
    • การนอนหลับไม่เพียงพออาจส่งผลต่อการควบคุมความอยากอาหาร
  • จัดการความเครียด:
    • ฝึกการหายใจลึกๆ: เพื่อลดความเครียด
    • ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย: เช่น โยคะ นั่งสมาธิ
    • หาเวลาพักผ่อน: เพื่อลดความเครียด
  • เลิกสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์:
    • การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม

4. การดูแลสุขภาพจิต:

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต:
    • นักจิตวิทยา: สามารถให้คำแนะนำในการจัดการกับความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า
  • เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน:
    • พบปะพูดคุยกับผู้ที่มีประสบการณ์คล้ายกัน
  • สร้างความมั่นใจในตนเอง:
    • ให้กำลังใจตนเอง: ชื่นชมความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ
    • มุ่งเน้นที่ความก้าวหน้า: ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนตาชั่ง

5. การรักษาทางการแพทย์ (ในบางกรณี):

  • ยา
    • ยาบางชนิดสามารถช่วยลดความอยากอาหารหรือเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน
    • ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
  • การผ่าตัด
    • การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร: เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่เป็นโรคอ้วนขั้นรุนแรง
    • ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

สิ่งสำคัญที่ควรจำ

  • การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต้องใช้เวลาและความอดทน
  • ตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้จริงและค่อยๆ ปรับเปลี่ยน
  • ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ: เพื่อขอคำแนะนำและการดูแลที่เหมาะสม
  • การดูแลสุขภาพองค์รวมเป็นสิ่งสำคัญ การดูแลสุขภาพกายและใจไปพร้อมๆกันจะทำให้เกิดผลลัพท์ที่ดีที่สุด

การดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่เป็นโรคอ้วนเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักกำลังเผชิญกับโรคอ้วน โปรดอย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

หากทำทุกวิถีทางแล้วยังไม่สามารถลดความอ้วนได้ ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม เช่น การผ่าตัดกระเพาะในรูปแบบต่าง ๆ ที่นอกจากรักษาโรคอ้วนแล้วยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ด้วย


สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านศรีนครินทร์ และพื้นที่ใกล้เคียง "คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค" (Ramathibodi Health Space) ที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกสบาย ในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายแพทย์ ได้ที่ รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค เปิดให้บริการทุกวัน 8.00-20.00 น. 

โทร. 0-2201-0640-45 

Line Official Account : @ramaparadise

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ คลินิกพรีเมียม รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ @พาราไดซ์ พาร์ค คลิกที่นี่

คลีนิกพรีเมี่ยมรามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ

รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ (ด้านหน้า)

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการคำแนะนำในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์